โกลบอลกรีนเคมิคอล มั่นใจรัฐบาลลดการอุดหนุนราคาน้ำมันบี 20 จาก 5 บาท เหลือ 3 บาท ไม่ส่งผลกระทบรายได้บริษัทฯ เนื่องจากประเมินว่าความต้องการใช้น้ำมันบี 20 จะเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการสมดุลของการลดอุดหนุนจากรัฐบาล
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC นำโดยนายวิฑูร เชื้อวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ, นายอภิชาต กุลละวาณิชย์ ผู้จัดการฝ่าย หน่วยงานกลยุทธ์องค์กร, นายสุเชษฐ์ ดีมั่งมี ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานตลาด การขาย และจัดซื้อวัตถุดิบ และนางสาววัลภา โสภิสเขื่อนขันธ์ ผู้จัดการฝ่าย หน่วยงานการเงินและการบัญชี เข้าชี้แจงผลดำเนินงานไตรมาส 2/62 ในงาน Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
นายวิฑูร กล่าวว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สถานการณ์น้ำมันปาล์มวัตถุดิบยังคงล้นตลาดมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงครึ่งปีแรกของปี 62 รัฐบาลจึงพยายามจัดการปริมาณน้ำมันปาล์มล้นตลาด เช่น นำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ใช้เป็นเชื้อเพลิง หรือนำไปผลิตเป็นน้ำมันบี 20 ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดี ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันปาล์มในปัจจุบันลดลง และปีหน้าจะมีการออกน้ำมันเกรด บี 10 มาทดแทน บี 7 ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ GGC ได้เปรียบอีกด้วย
ขณะที่สถานการณ์ของน้ำมันบี 100 ในช่วงครีงปีแรกของปียังไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากมีปริมาณสูงทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงตามมาด้วยเช่นกัน และประเทศอินโดนีเซีย รวมทั้งมาเลเซีย ใช้น้ำมันบี 10 และ บี 20 กันอยู่แล้ว ทำให้การสดัดน้ำมันดังกล่าวได้กรีนสลีนออกมาด้วย ซึ่งเป็นการกดดันราคาให้ตกลง นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรกของน้ำมัน บี 100 ไม่ดีเท่าที่ควร
แต่ผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ผลประกอบการยังคงดี และเป็นตัวช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ดีด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการเปิดโรงงานใหม่ในช่วงต้นไตรมาส 2 และสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้แล้ว ซึ่งจะเป็นโรงงานที่เตรียมผลิตน้ำมัน บี 100 แต่ช่วงปลายไตรมาส 2 ได้มีการหยุดโรงงานผลิตน้ำมันบี 100 เป็นระยะเวลา 11 วัน และหยุดโรงงานผลิตแฟตตี้แอลกอฮอลล์ เป็นเวลา 20 วัน ทำให้ส่งผลถึงการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 ไปด้วย
นายสุเชษฐ กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วงฤดูฝนทำให้การเดินทางลดน้อยลง ส่งผลให้รัฐบาลขยายเวลาอุดหนุนราคาน้ำมันบี 20 ในระดับ 5 บาทไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ แต่เชื่อว่าความต้องการใช้น้ำมันบี 20 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าความต้องการใช้น้ำมัน บี 20 จะเพิ่มสูงถึง 200 ล้านลิตร/เดือน ในช่วงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ทำให้เงินที่ไหลเข้ากับเงินชดเชยมีความสมดุลกัน
ส่วนน้ำมัน บี 10 คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการใช้เติบโตเช่นกัน โดยบริษัทฯมองว่าสิ้นปี 62 ความต้องการใช้น้ำมันบี 10 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนลิตร/เดือน จากเดิม 3 หมื่นลิตร/เดือน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
ส่วนสถานการณ์ของปาล์มน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 จะออกผลผลิตเยอะในช่วงเดือน ก.ย. และ ต.ค.ของทุก ๆ ปี ซึ่งขณะนี้ กฟผ. ยังซื้อปาล์มไปเป็นเชื้อเพลิงไม่ครบตามออเดอร์ โดยถ้า กฟผ.ซื้อปาล์มครบ ประกอบกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่จะอุดหนุนผลปาล์ม 4 บาท/กก.คาดว่าน่าจะมีผลเร็วๆ นี้ จะเป็นปัจจัยหนุนทำให้ราคาปาล์มปรับตัวสูงขึ้น
ด้าน นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการนครสวรรค์ ไบโอ คอมเพล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยได้เตรียมพื้นที่ตอกเสาเข็ม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานได้ในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ จะสามารถเปิดดำเนินงานได้ในปี 63
ส่วน นางสาววัลภา กล่าวทิ้งท้ายว่า ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ -22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก -1853 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดขายรวม 3,290 ล้านบาท ลดลง 25% ซึ่งปริมาณการขายของไบโอดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% แต่ราคาขายปรับลดลงตามวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายพิเศษในการดำเนินงานกว่า 70 ล้านบาท เช่นต้องตั้งสำรอง พรบ.แรงงานเพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท และปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงงาน 20-25 ล้านบาท และมีค่าดำเนินคดีปัญหาอินเวนเทอร์รี่เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีการปรับปรุงการจัดการวัตถุดิบที่ดีขึ้น ทำให้สตอคลอสปรับตัวดีขึ้น และบริษัทฯเริ่มได้รับมอบวัตถุดิบคืนจากคู่กรณีจำนวน 14 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 และจากไตรมาส 1 อีก 2 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 16 ล้านบาท
ราคาหุ้น GGC ก่อนปิดซื้อขายวันที่ 5 ก.ย.62 อยู่ที่ 11.80 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 4 ก.ย.62 ที่ 11.70 บาท/หุ้น (+0.85%)
