เรียกว่าเป็นศึกใหญ่ระหว่าง “เซ็นทรัล” และ “การท่าอากาศยาน (ทอท.)” กับปมปัญหาห้างใหม่ “เซ็นทรัล วิลเลจ (Central Village)” ที่ทางเซ็นทรัลยืนยันว่าทำถูกต้องทุกอย่างตามกฎหมาย ในขณะที่ ทอท. ก็ยืนยันว่าทางเซ็นทรัลมีการลุกล้ำพื้นที่ ซึ่งศึกนี้ต้องชี้ชะตาที่ศาล ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่ “Business Today” จะพาไปรู้จักกับ “เซ็นทรัล วิลเลจ (Central Village)” ต้นเหตุของปมปัญหานี้ว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ชูจุดเด่น 4 ด้าน “แบรนด์ – ราคา – สินค้า – ใกล้สนามบิน”
“เซ็นทรัล วิลเลจ” นี่คือความหวังที่ทาง “เซ็นทรัลพัฒนา” หรือ “CPN” หมายมั่นปั้นมือว่าจะเข้ามาเติมเต็มพอร์ตฟอลิโอห้างสรรพสินค้าในมือ เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายเพื่อก้าวสู่ “ผู้นำศูนย์การค้า” ด้วยการเติมเต็มแบรนด์ใหม่ วางตำแหน่งให้เป็น “Luxury Outlet” กับคอนเซป “Bangkok Outlet Experience”
โดยชูจุดเด่นด้านทำเลที่ใกล้สนามบิน เหมือนในต่างประเทศที่มี Outlet ใกล้สนามบิน โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาทีจากสนามบินสุวรรณภูมิ มีพื้นที่โครงการ 40,000 ตร.ม. บนที่ดิน 100 ไร่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท โดยทางชูจุดเด่น 4 ด้าน คือ
ความหลากหลายของ Luxury Brand ทั้งไทยและเทศระดับโลก รวมทั้งความหลากหลายของสินค้า กว่า 235 ร้าน
ด้านราคา ด้วยส่วนลด 35 – 70% ทุกวัน
มีบริการหลากหลายครบวงจร เทียบเท่าศูนย์การค้า รวมถึง facility ด้านอื่นๆ อาทิ ร้านอาหาร จุดบริการนักท่องเที่ยว playground โรงแรม และซูเปอร์มาร์เก็ต
ทำเลที่ตั้งใกล้สุวรรณภูมิ
รวมแบรนด์ดังกว่า 130 สโตร์
สำหรับแบรนด์ดังระดับอินเตอร์ที่ “เซ็นทรัลวิลเลจ” รวมเอาไว้มีกว่า 130 สโตร์ ที่เตรียมทยอยเปิด อาทิ CHLOE, CLUB 21 (OUTLET BY CLUB 21), COACH, ERMENEGILDO ZEGNA, KATE SPADE NEW YORK, KENZO, POLO RALPH LAUREN, SALVATORE FERRAGAMO, CALVIN KLEIN JEANS, JIM THOMPSON, L’OREAL LUXE, MAX & CO., MICHAEL KORS, PANDORA, SWAROVSKI, THE COSMETICS COMPANY STORE, VICTORIA’S SECRET
โดยครึ่งหนึ่งเป็นแบรนด์ที่เข้ามาเปิดเอ้าท์เล็ตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก (First Time Outlet Shop) และมีอีกกว่า 60 แบรนด์ ได้เลือกเปิด Exclusive Outlet Store ที่มีเพียงที่เซ็นทรัล วิลเลจ เท่านั้น
เตรียมโปรโมตสินค้าไทยผ่าน “Thai Pavilion”
นอกจากนี้ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ยังจับมือกับภาครัฐ ทั้งกระทรวงวัฒนธรรม และกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อโปรโมตสินค้าแบรนด์ไทยผ่าน “Thai Pavilion” ประกอบด้วย สินค้าแนวของขวัญ ของฝาก ของที่ระลึก และสินค้าแฟชั่นผสานนวัตกรรมจากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นงานหัตถศิลป์พื้นบ้านและนำมาพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ โดยจัดขึ้นหมุนเวียนตลอดปี บริเวณโซน Thai Pavilion และ โซน Village Square โดยตั้งเป้าเป็น Thai Signature Cultural Event ที่ส่งเสริมและเชิดชูเอกลักษณ์ความเป็นไทยโดยฝีมือคนไทย
“ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด CPN เผยว่า เซ็นทรัล วิลเลจ จะรองรับลูกค้าได้ ถึง 6-10 ล้านคนตลอดทั้งปี แบ่งเป็นตลาดคนไทย 65% และตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35%
“เซ็นทรัลวิลเลจ” เป็นเหมือนความหวังของ CPN ที่จะก้าวสู่การเป็น “เบอร์หนึ่ง” ของสรรพสินค้า เป็นโครงการที่ศึกษามานานกว่า 6 ปี และลงทุนจ้างบริษัทที่ปรึกษาจากต่างประเทศ อย่าง “บริษัท ดิ เอาท์เล็ท คอมปานี” ที่เชี่ยวชาญการทำเอาท์เลตในต่างประเทศ มาเป็นที่ปรึกษา แต่ดูเหมือนความฝันนี้กำลังสะดุดลงกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นกับทาง AOT
ก่อนหน้านี้ “นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ CPN เคยกล่าวตอนแถลงข่าวเปิดตัวโครงการเมื่อ เม.ย. 2561 ว่า
“อย่าเอาเอาต์เล็ตเราไปเปรียบเทียบกับดิวตี้ฟรี เพราะไม่เหมือนกัน ไม่ได้แข่งขันกับเขา เราแข่งกับพวกลักชัวรี เอาต์เล็ต ด้วยกันเหมือนในต่างประเทศ เช่น โจโฮบารู มาเลเซีย มิตซุยกับกลอเรีย ไต้หวัน โกเทมบะ ญี่ปุ่น ซิตี้เกตุ ฮ่องกง หรือวิสเตร์วิลเลจ ยุโรป เป็นต้น”
แต่สุดท้ายก็คงต้อง “รอ” ว่าศึกครั้งนี้จะจบอย่างไร ตอนนี้บรรดาขาช็อปคงต้องเตรียมเงินในกระเป๋า รอไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน
