ปอท.-กองปราบฯ-ดีอี จับมือ เอกชน จัดแข่ง “แฮก” ชิงธงถูกกฏหมายตามโจทย์ที่ตั้งไว้ หวังให้สังคมตระหนักรู้ถึง “ความปลอดภัยทางเทคโนโลยี” เป็นเรื่องสำคัญ
กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) จับมือ กองปราบปราม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) และภาคเอกชนจัดการประชุมความปลอดภัยไซเบอร์ (TCSD Cyber Security Conference 2019) ภายใต้แนวคิด “ร่วมคิดร่วมสร้างป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ที่ โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยภายในงานจะมีการแข่งขัน เจาะช่องโหว่ในระบบที่เปิดโอกาสให้บุคลากรในภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปได้เข้ามาประลองฝีมือ
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า จากการปฏิบัติงานมาในระยะหนึ่งความท้าทายหนึ่งที่เกิดขึ้นคือบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีไม่เพียงพอต่อความต้องการในการสืบหาเบาะแสทางเทคโนโลยีในการที่จะตามหาตัวคนร้าย ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะสร้างโครงขายแฮกเกอร์สีขาว(White Hacker) เพื่อร่วมกันหาช่องโหว่ของระบบหรือหาคนร้ายทางเทคโนโลยี
ด้าน พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยนุ่น ผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) ระบุว่า ปัจจุบันมีอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยีเกิดขึ้นมากมายดังนั้นการป้องกันและหาทางออกไวก่อนที่จะเกิดปัญหาถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งในโลกปัจจุบันหน่วยงานเดียวไม่สามารถที่จะป้องกันและปราบปรามได้ทั้งหมดจึงต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความสามัคคีในระหว่างหน่วยงานและประสิทธิภาพที่สูงมากยิ่งขึ้นในการหาอาชญากรทางเทคโนโลยี
สำหรับคดีส่วนใหญ่ที่ถูกแจ้งความเข้ามายัง ปอท. ส่วนใหญ่จะเป็นคดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงและหลอกลวงในการซื้อขายสินค้าทางโลกออนไลน์ ขณะเดียวกันการเจาะระบบจะเป็นส่วนน้อยแต่ความเสียหายหลักล้านถึงร้อยล้าน ปี 2561 มีคดีที่แจ้งเข้ามากับ ปอท. ถึง 2,700 คดี มูลค้าความเสียหาย 527 ล้านบาท และปี 2562 จนถึงปัจจุบัน (5 ก.ย. 62) มีการแจ้งคงามแล้ว 2,870 คดี มูลค่าความเสียหายอยู่ที่กว่า 300 ล้านบาท คิดเป็นการโจรกรรม ร้อยละ 40 และการหลอกลวง (Scam) เช่นการโอนเงิน ร้อยละ 40
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท MFEC จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มเฟค บริษัทผู้ให้บริการด้านคำปรึกษา พัฒนา และวางแผนระบบคอมพิวเตอร์ ในเครือข่ายงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระบุว่า ปัจจุบันมีอาชญากรรมรูปแบบใหม่เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาดังนั้นเราจึงต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบริษัทได้มีการออกแบบการแข่งขันในรูปแบบสากลเพื่อให้เกิดการตระหนักถึงความปลอดภัยทางเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ มองว่าการจัดแข่งขันแบบนี้จะทำให้เกิดเครือข่ายระหว่างกลุ่มนักวิเคราะห์ด้านระบบความปลอดภัยทางด้านเทคโนโลยีและตำรวจให้สามารถร่วมปฏิบัติการในการหาคนร้ายและผู้ไม่ประสงค์ดีต่อระบบในกรณีที่เกิดคดีความขึ้น
สำหรับการแข่งขันเจาะช่องโหว่ในระบบ แบบ CTF (Capture The Flag) เป็นการแข่งขันในการทำตามโจทย์ที่ได้รับทั้งในส่วนของการป้องกันและในส่วนของการเจาะเข้าไปยังระบบ ซึ่งการแข่งขันจะมีโจทย์ในส่วนของการถอดรหัส รวมถึงเป็นโจทย์ในการย้อนหาต้นตอทางด้านเทคโนโลยีเพื่อหาตัวแฮกเกอร์หรือย้อนกลับเข้าไปหาช่องโหว่ในระบบ รวมถึงหาตัวผู้ก่ออาชญากรในอนาคต
โดยภายในการแข่งขันจะมีการให้คำใบ้ในแต่ละหัวข้อโดยแลกไปกับคะแนนที่จะได้ ซึ่งผู้ที่สามารถหาคำตอบในโจทย์นั้นได้เร็วที่สุดก็จะได้รับคะแนนสูงสุด จึงคล้ายกับการวิ่งชิงธงในแต่ละหัวข้อ สำหรับตัวอย่างโจทย์ในการที่จะนำมาแข่งขัน เช่น การนำ เมมโมรี่สติ๊กที่เคยถูกแฮกมามอบให้กับผู้เข้าแข่งขันและสืบค้นว่าแฮกเกอร์ทำอะไรกับเมมโมรี่ตัวนี้บ้าง ซึ่งการแฮกดังกล่าวเป็นการแฮกในระบบที่ถูกสร้างขึ้นไม่ใช่การแฮกในระบบต่างๆของราชการ โดยถือเป็นครั้งแรกในการจัดงานความปลอดภัยทางด้านเทคโนโลยีแบบนี้กับทางตำรวจ และเป็นการแข่งขันในรูปแบบที่ระดับโลกมีการใช้
โดยจะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 20 กันยายน 2562 และผู้สมัครจะทำการแข่งขันระบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 28-29 กันยายน 2562 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผู้สมัครจะเข้ามาแข่งขันเวลาใดก็ได้ และสามารถตรวจสอบคะแนนของทีมตนเองได้ผ่านทางกระดานคะแนนที่จะเปิดให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนสามารถตรวจสอบคะแนนของตนเองได้ โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะเข้ามาแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 14 พฤศจิกายน แบบมาราธอน 24 ชั่วโมงตั้งแต่เวลา 12.00 น. ไปจนถึงเวลาเดียวกันของวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562
