องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้อนุมัติใช้งานวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Johnson & Johnson เพื่อการฉุกเฉินเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งการอนุมัติใช้งานวัคซีนดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ มีวัคซีนชนิดที่ 3 ในการต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 ที่ได้คร่าชีวิตประชาชนชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 500,000 คน
วัคซีนแบบฉีดเข็มเดียวของ Johnson & Johnson มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดมีอาการรุนแรง รวมทั้งยังมีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันโรคโควิด-19 จากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โดยองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ใช้งานวัคซีนดังกล่าวเป็นการฉุกเฉินสำหรับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
จากการทดลองทางคลินิกแบบเป็นวงกว้างพบว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคแบบมีอาการรุนแรงได้ถึง 85.9% ในสหรัฐอเมริกา 81.7% ในแอฟริกาใต้ และ 87.6% ในบราซิล หรือหากคิดตามจำนวนประชากรที่ได้รับการทดสอบทั่วทุกภูมิภาครวม 39,321 คน พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพรวมเฉลี่ย 85.4% และมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคแบบอาการปานกลางอยู่ที่ 66.1% นอกจากนี้การวิเคราะห์จากประชากรหลายกลุ่มไม่ได้แสดงความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพในแต่ละกลุ่มอายุ เชื้อชาติ หรือกลุ่มที่มีอาการเบื้องต้นอื่นใดแฝงอยู่
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกมากล่าวแสดงความตื่นเต้นและยินดีเกี่ยวกับความสำเร็จในการพยายามพัฒนาวัคซีนของสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ให้สำเร็จในที่สุด แต่ยังคงเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวดต่อไป
วัคซีนของ Johnson & Johnson พัฒนาขึ้นโดยใช้เชื้อไวรัสไข้หวัดเป็นตัวนำโปรตีนของโคโรนาไวรัสเข้าสู่เซลล์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกัน และวัคซีนดังกล่าวสามารถคงสภาพในตู้เย็นธรรมดาได้นานถึงสามเดือน ในขณะที่วัคซีนของ Pfizer และ Moderna ที่ต้องฉีดถึง 2 โดส ใช้เทคโนโลยี mRNA ในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน และการจัดเก็บวัคซีนของ Moderna ต้องเก็บในอุณหภูมิเยือกแข็ง ส่วนวัคซีนของ Pfizer ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเป็นพิเศษ
บริษัท Johnson & Johnson คาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนอย่างน้อง 1 พันล้านโดสได้ภายในปีนี้ ซึ่งจำนวนวัคซีนส่วนใหญ่มีผู้ลงนามในสัญญาตกลงซื้อเรียบร้อยแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกาที่ตกลงซื้อวัคซีน 100 ล้านโดสแรกในราคาสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และอาจเตรียมที่จะซื้อเพิ่มอีก 200 ล้านโดส ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ลงนามในข้อตกลงซื้อวัคซีนจาก Johnson & Johnson ได้แก่ ประเทศเม็กซิโก จำนวน 22 ล้านโดส ประเทศโคลัมเบีย จำนวน 9 ล้านโดส ประเทศอังกฤษ 30 ล้านโดส เกาหลีใต้ 4 ล้านโดส และสหภาพยุโรป จำนวน 400 ล้านโดส และบริษัท Johnson & Johnson เตรียมที่จะจัดส่งวัคซีนจำนวน 500 ล้านโดสให้กับโครงการ COVAX เพื่อส่งต่อวัคซีนช่วยเหลือประเทศที่ยากจนต่อไป
