วาทะกรรมว่าด้วยการอยู่เป็น-อยู่ไม่เป็น…อยู่สุข-อยู่ไม่สุข กำลังปะทะกันอย่างเมามันในสื่อสังคมออนไลน์ แต่หารู้ไม่ว่าปรากฏการณ์”อยู่เย็นไม่เป็นสุข”กำลังก่อตัวขึ้นเหมากินรวบทั้งอยู่เป็น-อยู่ไม่เป็น…อยู่สุข-อยู่ไม่สุข ให้ต้องมีชะตากรรมร่วมกัน… “อยู่ไม่รอด-อยู่ไม่รอด”
อาการอยู่เย็น ไม่เป็นสุข ที่ส่อเค้าบานปลายกลายเป็น อยู่ไม่รอด เป็นอาการของขบวนการ”ไทยเฉย”ที่สงวนสิทธิเป็นพลังเงียบ ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน แต่เก็บซ่อนความรู้สึกอึดอัดคับแค้นใส่ไว้ในกระโถนอารมย์ เหมือนคน”หน้าชื่นอกตรม”
การเมืองจะบัดซบแค่ไหน…เศรษฐกิจจะซังกะบ๊วยห่วยแตกเพียงใด…ไม่เป็นไร-กูรับได้สบายตามสไตล์”ไทยเฉยทนได้”
ไม่แน่นักว่าไทยเฉย ไทยไม่เฉย ไทยอยู่เป็น ไทยอยู่ไม่เป็น จะทนทานกับความอับเฉาของเศรษฐกิจไปได้อีกกี่น้ำ ในเมื่อทอดสายตามองไกลไปถึงจุดสุดท้ายของปีนี้ ไม่มีวี่แววจะเกิดประกายความเบิกบานของเศรษฐกิจให้ได้ชื่นใจแม้แต่น้อยนิด ทั้งที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการโด๊ปชีพจรเศรษฐกิจไปแล้วหลายขนาน ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงินชิม-ช้อป-ใช้…การลดอัตราดอกเบี้ย…การออกมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ล่าสุดสภาพัฒน์ยืนยันความเซื่องซึมของเศรษฐกิจให้ได้รับทราบทั่วกันว่าแนวโน้มอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะโตได้ไม่เกิน 2.6% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้สวยเริ่ดตอนต้นปีถึง 3.8% ซึ่งเป็นการยอมรับในค่าความคลาดเคลื่อนของประมาณการที่สูงลิ่วถึง 31%
ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ของค่ายธนาคารไทยพาณิชย์ มีมุมมองต่อชะตากรรมเศรษฐกิจไทยไปทิศทางเดียวกับสภาพัฒน์ แต่มีทัศนะทางลบที่รุนแรงกว่าเล็กน้อย โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ไว้ที่ 2.5%
ทำนองเดียวกันแบงก์ต่างด้าวอย่างไอเอ็นจี มองแนวโนมเศรษฐกิจไทยปีนี้เลวร้ายหนักยิ่งไปกว่าสภาพัฒน์และไทยพาณิชย์ โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ไว้แค่ 2.3%
หันไปดูอาการชีพจรตลาดหุ้น ก็อีหรอบเดียวกันกับชีพจรเศรษฐกิจ…รายงานตัวเลขกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3 ปีนี้ลดฮวบลง 18 % เทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว เหลือ 2.11 แสนล้านบาท
บวกลบคูณหารคำนวณแนวโน้มผลกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นปีนี้ มีแนวโน้มสูงยิ่งที่จะต่ำกว่าประมาณการซึ่งฝันหวานเอาไว้ที่ตัวเลข 9.9 แสนล้านบาท
เหตุผลอธิบายง่ายๆคือยอดรวมของกำไรสุทธิปีนี้รวม 3 ไตรมาส มีอยู่แค่ 6.91 แสนล้านบาท ยังห่างจากตัวเลขในฝันถึง 3 แสนล้านบาท ขณะที่ค่าเฉลี่ยผลกำไรสุทธิมีอยู่ไตรมาสละ 2.3 แสนล้านบาท
ว่ากันตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ยอดกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น สำหรับปีนี้ดีที่สุดน่าจะไม่เกิน 9.3 แสนล้านบาท สูสีคู่คี่กับที่เคยทำได้เมื่อปีที่แล้ว หรือมีอัตราการเติบโตของผลกำไรสุทธิ “เป็นศูนย์”
ปะเหมาะเคราะห์ร้าย หากความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เลียนแบบความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ผลกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะน่าอุจาดอุบาทว์ยิ่งนัก
ยังไงก็ตามไม่ว่าจะต้องเผชิญการเมืองอัปยศ..เศรษฐกิจวิปริตขนาดไหน ไม่ว่าจะอยู่เป็นหรืออยู่ไม่เป็น ไม่ว่าจะอยู่เย็นเป็นสุข หรือไม่เป็นสุข ยังไงซะก็ดีกว่าตัวเย็น…เป็นศพ
