“แสนสิริ” ผนึก “สิริ เวนเจอร์ส” ผุดโครงการ “The Founder” โปรเจกต์พัฒนาพนักงานของแสนสิริสตาร์ทอัพ โดยวางแผนทุ่มเงินสูงสุด 36 ล้านบาท สร้างนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อพลิกโฉมวงการอสังหาริมทรัพย์ฝ่าคลื่น Digital Disruption รวมถึงเป็นการส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีให้กับสตาร์ทอัพไทยอีกด้วย
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด ระบุว่า เราต้องการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพต่างๆจากนอกบริษัทมาใช้ในบริษัท แต่โครงการ The Founder ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาภายในองค์กรและหาความท้าทายทางธุรกิจ เพราะพนักงานที่ทำงานและเจอลูกค้าจะรู้ว่าอะไรคือจุดบอดและปัญหาต่างๆ
สำหรับบริษัทสตาร์ทอัพในส่วนของ Property Tech(Proptech) พบว่าในประเทศไทยมีเพียง 10 กว่าบริษัทเท่านั้น และในเอเซียเองมีเพียง 500 กว่าบริษัทเท่านั้น ดังนั้นโครงการนี้จึงเป็นโครงการที่จะเพิ่มบริษัท Proptech เหล่านี้ จากข้อมูลพบว่าในแต่ละปีมีการลงทุนในอุตสาหกรรม PropTech ถึง 15,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างเทคโนโลยีคือ การใช้อากาศยานไร้คนขับ(โดรน) เข้ามาใช้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ เช่น การส่งไปรษณีย์ หรือแม้กระทั่งการตรวจสอบภาพมุมสูง ทั้งในส่วนของก่อน-ระหว่าง-หลังสร้างโครงการ เพื่อตรวจสอบว่า ผู้รับเหมาถมที่หรือก่อสร้างไปถึงจุดใดบ้าง
ขณะเดียวกันในอนาคตการนำเทคโนโลยี”การจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบดิจิทัล” เช่น การจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง ผ่านแอปพลิเคชั่นในมือถือได้ ซึ่งมีลูกบ้านของ แสนสิริ ใช้งานแล้วกว่า 35,000 คน และจะขยายไปสู่โครงการต่างๆ นอกเหนือจากนี้ในอนาคตจะมีการใช้กล้อง 360 องศาและเลเซอร์ในการก่อสร้างและตรวจสอบการก่อสร้างอีกด้วย
สำหรับโครงการ “The Founder” เริ่มต้นมาเป็นระยะเวลา 3-4 เดือนแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบริษัทสตาร์ทอัพด้าน PropTech ในเมืองไทยให้มากขึ้น และเปลี่ยนตรรกะความคิดให้เข้ากับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงเป็นการแก้ไขปัญหา-จุดบอดของบริษัทจากคนของแสนสิริเอง โดยการส่งเสริมให้พนักงานของตนเองไปสู่เจ้าของกิจการสตาร์ทอัพ เพราะหากลูกจ้างรายนั้นอยู่ในฐานะลูกจ้างจะมีความตั้งใจที่แตกต่างจากการเป็นเจ้าของกิจการสตาร์ทอัพของตนเอง ให้เข้ามาแก้ปัญหาของแสนสิริ
นายจิรพัฒน์ ระบุต่ออีกว่า จะมีการคัดเลือกโครงการจากแนวคิดที่พนักงานส่งเข้ามา ต่อมาจะมีการสร้าง-อบรมให้พนักงานที่ผ่านการคัดเลือก 12 ทีม จาก 30 ทีม ทั้งที่ยังทำงานประจำที่”แสนสิริ”อยู่ด้วย โดยมีการให้เงินสนับสนุนก้อนเล็กๆในการทำข้อมูล ซึ่งเกณฑ์ในการคัดเลือกในปีแรกจะเน้นไปที่โครงการที่ส่งเสริมธุรกิจของแสนสิริและขยายไปทำได้จริง ส่วนตัวมองว่าสร้างความประทับใจให้พนักงานมาก และหลังจากอบรมเสร็จและมีการคัดเลือกอีกครั้งหนึ่ง คือ การส่งพนักงานที่ผ่านการคัดเลือกไปสู่การสร้างสตาร์ทอัพของตนเองจริงๆ โดยใช้เวลาประมาณ 12 เดือน แต่ยังคงทำงานที่สำนักงานของแสนสิริอยู่ โดยสร้างตัวอย่างนวัตกรรมใหม่ๆขั้นต่ำให้เกิดขึ้นจริง และแสนสิริยังคงให้เงินสนับสนุนอยู่ ทีมละไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งเมื่อผ่านไป 12 เดือนก็จะกลับมาส่งให้พิจารณา หากผ่าน ก็จะเปิดโอกาสให้พนักงานลาออกไปตั้งบริษัทในการสร้างบริษัทสตาร์ทอัพได้จริง หรือเข้ามาเป็นหัวหน้าหน่วยงานใหม่ของแสนสิริ โดยหากพนักงานออกไปทำบริษัทก็มีข้อตกลงกันว่าขอให้ แสนสิริ พิจารณาในการร่วมทุนในบริษัทสตาร์ทอัพนั้นก่อน และเงินทุนสนับสนุนก้อนใหม่นอกเหนือจาก 3 ล้านบาทแรก และ 3 ล้านบาทแรกจะไม่ถูกเปลี่ยนเป็นหุ้น
โดยโครงการ The Founder ตั้งใจว่าจะทำมาให้เป็นโครงการต่อเนื่องทุกปี ขณะเดียวกันก็มีความร่วมมือกับ SCG มาให้คำแนะนำในการดำเนินการโครงการนี้ เพื่อปรับใช้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งยังเชื่อว่าถึงแม้พนักงานจะไม่ผ่านการคัดเลือก แต่ก็สามารถที่จะส่งโครงการเข้ามาใหม่ในปีถัดไปได้ และก็มองว่า พนักงานจะได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้นและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆนอกเหนือจากการทำงสนเป็นพนักงานปกติได้อีก ทั้งนี้โครงการที่พนักงานเสนอก็จะเป็นลิขสิทธิ์ของพนักงานเอง ไม่ใช่ในนามของแสนสิริ
“ส่วนตัวมองว่าปัญหาหนึ่งคือการสื่อสารกับแต่ละส่วนของบริษัทให้เข้าใจว่า เมื่อจบโครงการนี้แล้วจะเป็นอย่างไร แต่จากที่ดำเนินการโครงการที่ผ่านมาทำให้เห็นว่า พนักงานยังพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่เรื่องใหม่ๆอยู่เสมอ ทั้งนี้การทำโครงการแบบนี้ไม่ได้แปลว่าบุคลากรในองค์กรไม่ตื่นตัว แต่เป็นเพราะปัจจัยภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ต้องปรับบุคลากรในองค์กรให้พร้อมปรับตามกาลเวลาที่หมุนเร็วกว่าในอดีต”
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าว
