วันนี้ Business Today จะพามารู้จักกับ คุณอรรถสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนสอนขับรถ D-1 Driving School กันให้มากขึ้นถึงแนวทางการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ อีกทั้งโรงเรียนแห่งนี้ ยังถือได้ว่าเป็น 1 ในโรงเรียนสอนขับรถที่ได้คุณภาพ มาตรฐาน ตามที่ทาง กรมการขนส่งทางบก กำหนด มาเรียนที่นี่แล้ว ก็ยังสามารถสอบใบขับขี่ที่นี่ได้อย่างสะดวกสบายครบวงจร
จุดเริ่มต้นธุรกิจ – ผู้อำนวยการของโรงเรียนสอนขับ D-1 หรือ คุณออย บอกว่า แต่เดิมมีพื้นที่ของครอบครัวที่ปล่อยว่างอยู่ในซอยที่เดินทางไปมาสะดวก อย่าง ซ.สุขุมวิท 101 ประกอบกับช่วงนั้น ลูกชายที่กำลังเป็นวัยรุ่นมาขอเรียนขับรถ จึงอนุญาตให้ไปเรียน ซึ่งระหว่างนั้นก็คอยพูดคุย สอบถามอยู่เรื่อยๆ เพราะสนใจและใส่ใจ ในเรื่องของการเรียนการสอนของโรงเรียนที่มีให้กับลูกและเรื่องของความปลอดภัย เพราะปัจจุบันเราจะเห็นข่าวอุบัติเหตุและความประมาทในการขับขี่เกิดขึ้นได้ง่ายและบ่อยมากๆ ผ่านสื่อต่างๆ ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จึงกลายมาเป็นไอเดียในการทำธุรกิจให้คุณออยและครอบครัวฉุกคิดได้ว่า ถ้าจะทำโรงเรียนสอนขับรถให้ดี มีคุณภาพ มาตรฐานจริงๆ เราควรจะทำออกมาให้เป็นรูปแบบไหน ยังไง และอย่างไร
ปัจจุบันโรงเรียนสอนขับรถแห่งนี้ เปิดการเรียนการสอนมาจนจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ซึ่งจากเดิมในช่วงที่เริ่มต้นธุรกิจ มีคุณครูผู้ฝึกสอนขับรถเพียง 3-4 คนเท่านั้น หลังจากนั้นจึงได้มีการพัฒนา เรียนรู้ ปรับปรุง หลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องทักษะการขับขี่ให้ปลอดภัย ทั้งรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ ให้ดีเยี่ยม เหมาะสมต่อผู้ขับขี่ที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น จนทุกวันนี้โรงเรียนของคุณออยมีพนักงานที่เป็นคุณครูผู้ฝึกสอนโดยเฉพาะ ถึง 17 คน
วิธีคัดเลือกครูผู้ฝึกสอนค่อนข้างแตกต่าง – เวลาสัมภาษณ์คน คุณออยบอกว่า จะชอบมองตา และมององค์ประกอบรวมอื่นๆ ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะ เรื่องของความคิดเห็น ทัศนคติ เป้าหมายในชีวิต และการแสดงออกทางภาษากาย รวมถึงการใช้ facebook หรือ โซเชียลออนไลน์ ของแต่ละคน ว่าเป็นแบบไหน สะท้อนความคิดของคนๆ นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ คุณออยเลือกใช้เป็นตัวประกอบการตัดสินใจ ในการคัดเลือกคนเข้าทำงานให้เหมาะสมกับองค์กร
“พนักงานของผม หรือ คุณครูบางคนอาจจะดูวัยรุ่นหน่อย ตามยุคตามสมัย แต่โดยพื้นฐานเขาต้องรู้ว่า ถ้ามาสมัครเป็นครูสอนขับรถ ที่ต้องเน้นการเรียนการสอนอย่างที่นี่ ก็ต้องมีพื้นฐานการเรียนรู้ ที่ดี มีจิตใจดี โอบอ้อมอารี เพราะจะได้ดูแลนักเรียนที่ทุกคนจะมาเรียนกับเราได้เป็นอย่างดีด้วย”
หลักสูตรการสอนที่สำคัญของ D-1 – เราเน้นเรื่องการขับรถออกถนนเพื่อประสบการณ์จริง เพราะโรงเรียนเราอยู่ในเมือง แถมยังอยู่ในซอย ที่เป็นโซนชุมชน มีคน มีรถ บนถนน พลุกพล่านจริงๆ ดังนั้น เมื่อนักเรียนขัรถบออกไปก็จะเจอทุกอย่างของจริงเลย ไม่ว่าจะเป็นสภาพถนน การจราจร จุดสี่ยงต่างๆ เรานำมาวางแผนรวมอยู่ในหลักสูตรไว้ทั้งหมด ถนนเส้นไหนที่อยู่ในการเรียนการสอน ตรงไหนเป็นจุดบอดบ้าง เราจะมีเนื้อหาการเรียนการสอน ให้นักเรียนได้ฝึกได้แก้ไขปัญหาสำหรับใช้ในการขับขี่ในชีวิตจริง
ทำไมต้องมีครูฝึกสอนผู้หญิง – มีนักเรียนผู้หญิงจำนวนเยอะมากที่มาเรียน และมีนักเรียนหลายคนที่ผู้ปกครองให้ความห่วงใย เราจึงต้องมีครูผู้หญิงไว้คอยดูแลด้วย ตรงนี้ ไม่ได้หมายความว่าครูผู้ชายจะดูแลไม่ได้ หรือมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ เพื่อความสบายใจของผู้ปกครองบางท่านที่อยากให้ลูกตัวเองเรียนกับครูผู้หญิง หรือนักเรียนชายบางคนก็อยากเรียนกับครูผู้หญิงมากกว่า เราก็พร้อมดูแลให้อย่างเต็มที่ และถึงแม้จำนวนของครูผู้หญิงเมื่อเทียบกับครูผู้ชายอาจจะยังน้อยกว่า แต่เรื่องของการดูแลและการสอนนั้น ยังคงเน้นเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย
จำนวนนักเรียนที่จบหลักสูตร – ตลอด 3 ปี มีนักเรียนประมาณ 12,000 คน แล้วที่เลือกมาเรียนกับเรา ทั้งการเรียนเสริมทักษะและการเรียนเพื่อสอบใบขับขี่ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่ คือ กลุ่มนักศึกษาเป็นส่วนใหญ่ และกลุ่มของคนทำงาน ซึ่งปริมาณของกลุ่มลูกค้าจะขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงด้วย ถ้าช่วงปิดเทอมก็จะมีนักศึกษามาเรียนมากหน่อย แต่ถ้าปิดเทอมแล้ว จะมีลูกค้าที่เป็นคนทำงานมาเรียนมากขึ้น ถือเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันสลับกันไป
กลยุทธ์เหนือคู่แข่ง – เราทำด้วยใจทุกอย่างก็สื่อออกมาให้เห็นได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ สถานที่ ให้ดูดี โล่ง โปร่ง ทันสมัย และได้มาตรฐาน อุปกรณ์หรือสิ่งที่ใช้ในการสอน เราคัดเลือกมาอย่างดี รถยนต์ทุกคันเป็นรถขนาดกลาง ผู้เรียนใช้รถขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็สามารถเรียนและปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ อุปกรณ์การสอบทั้งหมดเราคัดเลือกแล้ว ส่วนระบบการสอบเราเชื่อมตรงกับกรมการขนส่งทางบก ส่วนเรื่องของสนามขับรถ เรายังตั้งใจออกแบบให้เลนถนนไม่ใหญ่เกินไป เพื่อให้คนที่มาเรียนได้ฝึกฝนแล้วใช้ความพยายามเสมือนขับรถเจอกับสถานการณ์ในชีวิตจริง
หัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ – เรื่องคุณภาพต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกฝ่าย ไม่ใช่เพียงแค่ “ผู้บริหาร” ทำได้แล้วทุกอย่างมันจะจบ พนักงานทุกคนต้องมองไปในทิศทางเดียวกัน และพร้อมลงมือทำไปด้วยกัน
“ใจเป็นสิ่งสำคัญ ที่นี่ทำงานด้วยใจ อะไรที่ต้องปรับแก้เรายอมรับและพร้อมแก้ไข ทุกคำที่คนอื่นตำหนิมา เราน้อมรับและนำมาแก้ไขหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม “
เป้าหมาายธุรกิจในอนาคต – ผมไม่ใช่นักธุรกิจที่วางแผนเก่ง ไม่ได้ตั้งเป้าธุรกิจที่เน้นในเชิงตัวเลข หรือเน้นปริมาณ ทุกอย่างผมเน้นใช้ใจทำ ค่อยๆ ทำไป ปัญหา อุปสรรคต่างๆ เราต้องเจออยู่แล้ว ก็ต้องค่อยๆ ปรับและแก้ไขไป เพื่อให้ธุรกิจค่อยๆ เติบโตได้อย่างยั่งยืน
