“ไบเดน” ระงับเยือนเอเชีย เร่งถกวิกฤตเพดานหนี้
ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ จะไม่เดินทางเยือนปาปัวนิวกินีและออสเตรเลียสัปดาห์หน้า เนื่องจากอยู่ระหว่างเจราจากับผู้นำสภาเพื่อแก้ไขวิกฤตเพดานหนี้ แต่ไบเดนจะออกเดินทางไปญี่ปุ่นในวันพุธ (17 พ.ค.) เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศจี 7 จากนั้นจะกลับสหรัฐเพื่อให้มั่นใจว่าสภาจะดำเนินการตามกำหนดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากไบเดนหารือเรื่องปัญหาเพดานหนี้กับผู้นำสภา ซึ่งรายงานข่าวระบุว่ามีความคืบหน้า โดยมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงภายในปลายสัปดาห์นี้
ด้านรัฐมนตรีคลังย้ำว่าสหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย. หากแต่ละฝ่ายยังถกเถียงกันโดยไม่มีข้อสรุป
อียูอนุมัติกฎกำกับดูแลคริปโต ที่แรกของโลก
รัฐมนตรีคลังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติกฎระเบียบที่ครอบคลุมเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อกำกับดูแลสินทรัพย์คริปโต หลังจากกฎระเบียบดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภายุโรปเมื่อเดือนเม.ย.
กฎระเบียบดังกล่าวกำหนดให้บริษัทที่ต้องการออก ซื้อขาย และคุ้มครองสินทรัพย์คริปโต, สินทรัพย์ที่แปลงเป็นโทเคนดิจิทัล และสเตเบิลคอยน์ ใน 27 ประเทศสมาชิกอียู ต้องได้รับใบอนุญาตเสียก่อน
รัฐมนตรีคลังสวีเดนซึ่งรับหน้าที่ประธานอียู ชี้ว่าเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงการล่มสลายของ FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ของโลก ตอกย้ำความจำเป็นเร่งด่วนในการกำกับดูแลคริปโต เพื่อปกป้องชาวยุโรปที่ลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าว และป้องกันการใช้อุตสาหกรรมคริปโตในทางที่ผิดเพื่อฟอกเงินหรือนำเงินไปอุดหนุนก่อการร้าย
เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ลงทุนร่วมพันล้านใน ”แคปิตอลวัน”
เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ บริษัทโฮลดิงของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ลงทุน 954 ล้านดอลลาร์ในบริษัทบัตรเครดิตและธนาคาร “แคปิตอล วัน” เมื่อไตรมาสแรกของปีนี้ นับเป็นหุ้นใหม่ไม่กี่หุ้นที่กลุ่มเพื่อการลงทุนแห่งนี้เข้าซื้อในช่วงที่ขายหุ้นอื่นออกไปหลายพันล้านดอลลาร์
การเปิดเผยครั้งนี้เป็นสัญญาณว่าเบิร์กเชียร์และบัฟเฟตต์ วางใจกับการลงทุนในอุตสาหกรรมบัตรเครดิตและสภาพเงินฝากของผู้บริโภคในช่วงที่ธนาคารระดับภูมิภาคหลายแห่งในสหรัฐเผชิญความปั่นป่วนทางการเงิน ทั้งนี้ แคปิตอล วัน เป็นผู้ออกบัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดรายใหญ่อันดับ 3 ในสหรัฐ
ที่ผ่านมา เบิร์กเชียร์ลงทุนในธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐไม่กี่แห่ง ได้แก่ แบงก์ออฟอเมริกา และซิตี้กรุ๊ป รวมถึงบริษัทบริษัทบัตรเครดิต อย่างอเมริกันเอกซ์เพรส วีซ่า และมาสเตอร์การ์ด
อีวีขึ้นแทนที่สมาร์ทโฟน แหล่งรายได้หลักผู้ผลิตชิ้นส่วนญี่ปุ่น
ส่วนประกอบสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า กลายเป็นปัจจัยที่หนุนการเติบโตของผลกำไรสำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกรายใหญ่ของญี่ปุ่นในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2567 หลังจากยอดขายสมาร์ทโฟนในโลกเริ่มทรงตัว
ประธานบริษัทเคียวเซร่าเปิดเผยว่ายอดขายเกี่ยวกับยานยนต์ค่อนข้างแข็งแกร่ง ขณะที่ยอดขายส่วนประกอบสำหรับสมาร์ทโฟนซบเซา พร้อมคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13%
ด้านบริษัท TDK คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 29% ผลจากยอดขายที่แข็งแกร่งสำหรับส่วนประกอบยานยนต์ไฟฟ้า เช่น ตัวเก็บประจุหลายชั้นที่ผลิตจากเซรามิคและเซนเซอร์แม่เหล็ก
Nidec ผู้ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า คาดหมายกำไรมากเป็นประวัติการณ์เช่นกัน หลังจาก E-Axle ชุดขับเคลื่อนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท เริ่มทำกำไร
เอสไอเอกรุ๊ปกำไรประวัติการณ์หลังขาดทุน 3 ปี
สิงคโปร์แอร์ไลน์สกรุ๊ปรายงานกำไรประจำปีมากเป็นประวัติการณ์ 2,160 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หลังจากขาดทุน 3 ปีติดกัน โดยความต้องการเดินทางทางอากาศที่แข็งแกร่งช่วยหนุนนำรายได้, กำไรจากการดำเนินงาน และปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร
ในช่วงโควิดระบาด ทางสายการบินได้คงพนักงานและฝูงบินส่วนใหญ่ไว้ ทำให้สองสายการบินในกลุ่ม คือ สิงคโปร์แอร์ไลน์ส และสกู๊ต ซึ่งเป็นสายการบินประหยัดในเครือของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส สามารถกลับมาเพิ่มบริการได้ภายในเวลาอันรวดเร็วเมื่อการเดินทางทางอากาศพุ่งขึ้น
ทั้งนี้ ความจุผู้โดยสารของเอสไอเอกรุ๊ปเมื่อปลายเดือนมี.ค. ขึ้นถึงระดับ 79% ของช่วงก่อนโควิด โดยสิงคโปร์แอร์ไลน์ส และสกู๊ต ขนส่งผู้โดยสารทั้งสิ้น 26.5 ล้านคน หรือมากกว่าปีก่อน 6 เท่า
