จีนตั้งเป้าจีดีพีต่ำสุดครั้งหนึ่งในรอบหลายสิบปี
นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน ประกาศเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายสิบปี สะท้อนว่าเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกกำลังเผชิญการท้าทายทั้งภายในประเทศและระดับโลก
นายกฯหลี่ระบุในการประชุมสมัชชาแห่งชาติ กำหนดเป้าหมายจีดีพีปีนี้ที่ 5% พร้อมยอมว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะอุปสงค์ที่ยังไม่เพียงพอ ส่วนการสร้างเสถียรภาพให้การจ้างงานก็เป็นเรื่องยาก และรัฐบาลท้องถิ่นบางแห่งเผชิญปัญหาด้านการคลัง
นายกฯหลี่จะลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการในการประชุมสมัชชาแห่งชาติครั้งนี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของการปรับผังผู้นำทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดในรอบทศวรรษของจีน คาดว่านายกฯหลี่จะลงจากตำแหน่งพร้อมบรรดาเจ้าหน้าที่หัวปฏิรูปที่ได้รับการศึกษาจากตะวันตก ซึ่งมีอิทธิพลต่อนโยบายเศรษฐกิจในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ทีมใหม่ซึ่งน่าจะประกอบด้วยผู้ใกล้ชิดประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเผชิญงานหนักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์บริษัทโนมูระ มองว่าการตั้งเป้าหมายจีดีพีที่ 5% สะท้อนว่ารัฐบาลยึดติดกับความเป็นจริง ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซาในโลกอันกระทบถึงการส่งออก ประกอบกับมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยยังดำเนินไปในระดับปานกลาง
อินโดฯเสนอแรงจูงใจ กระตุ้นยอดขายรถอีวี
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะรัฐบาลอินโดนีเซีย เปิดเผยว่ารัฐบาลจะเสนอแรงจูงใจเพื่อกระตุ้นยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเร่งให้หันมาใช้รถอีวี และดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่างๆ อย่างเทสลาของสหรัฐ และบีวายดี ออโต ของจีน
แรงจูงใจดังกล่าวจะให้สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 200,000 คัน และรถยนต์ไฟฟ้า 35,900 คัน ทั้งยังให้แรงจูงในการแปลงมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จำนวน 50,000 คัน
อินโดนีเซียกระหายที่จะพัฒนาแหล่งรองรับการผลิตรถอีวีภายในประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์จากการที่อินโดนีเซียอุดมไปด้วยแร่นิกเกิล ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่
บริษัทแอลจีและฮุนไดจากเกาหลีใต้ กำลังเริ่มก่อสร้างโรงงานเพื่อประกอบแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าในอินโดนีเซีย โดยบริษัทที่มีสิทธิเข้าร่วมในโครงการให้แรงจูงใจของทางการอินโดฯ ต้องมีโรงงานในอินโดนีเซีย และมีชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
เจ้าหน้าที่อินโดฯ เปิดเผยว่ากำลังเจรจาขั้นสุดท้ายกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับโลก 2 ราย และหวังว่านโยบายใหม่นี้จะช่วยหนุนสถานภาพของอินโดฯให้แข็งแกร่ง โดยเทสลาเป็นหนึ่งในบริษัทที่อินโดฯจะหารือด้วย หลังจากเทสลาเพิ่งประกาศจะสร้างโรงงานขนาดใหญ่ในเม็กซิโก
“ฮาเก้น-ดาส” ร่วมฉลองวันสตรีสากล
ฮาเก้น ดาส (Häagen-Dazs) ร่วมฉลองวันสตรีสากล ในวันที่ 8 มี.ค. ด้วยการลงรูปสตรีผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท “โรส แมตทัส” บนกล่องไอศกรีมสำหรับวันพิเศษนี้
ไอศกรีมยี่ห้อ “ฮาเก้น ดาส” ก่อตั้งขึ้นที่นิวยอร์กเมื่อปี 2503 โดยรูเบน และโรส แมตทัส ผู้เป็นภรรยา ทั้งคู่เป็นผู้อพยพที่เข้าไปอยู่ในสหรัฐและพบเจอกันที่นั่น จนตกลงใจแต่งงานกันที่บรูคลิน จากนั้นก็ก่อตั้งบริษัทไอศกรีมร่วมกันในย่านบรองซ์
รูเบนทุ่มเทกับการคิดค้นสูตรไอศกรีม ส่วนภรรยาดูแลการดำเนินงานและการตลาด โรสได้รับการยกย่องในฐานะที่สร้างฐานลูกค้าสำหรับแบรนด์ โดยไม่ใช้งบโฆษณาสักบาทเดียว แต่ใช้วิธีปากต่อปากด้วยการให้ลองชิม และเข้าไปสร้างฐานลูกค้าในย่านผู้มีรายได้สูงแถบแมนฮัตตัน นอกจากนั้น โรสกับลูกสาวยังอยู่เบื้องหลังการขยายธุรกิจไปทั่วสหรัฐ และทั่วโลก
นอกจากจัดทำกล่องไอศกรีมที่มีรูปสตรีผู้ร่วมก่อตั้งแล้ว ในวาระวันสตรีสากล 8 มี.ค. ยังมีการแจกไอศกรีมรสวานิลลา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามรสชาติดั้งเดิมและเป็นรสโปรดของโรส ตามสาขา 100 แห่งในสหรัฐ เอเชีย ยุโรป ละตินอเมริกา และตะวันออกกลาง
“เทสลา” หั่นราคารถรุ่นแพงสุดในสหรัฐ
เทสลา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ ประกาศหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้าสองรุ่นที่แพงที่สุดในสหรัฐ หลังจากอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่าการหั่นราคารถหลายรุ่นก่อนหน้านี้ช่วยกระตุ้นอุปสงค์ได้เป็นอย่างดี
การลดราคาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ต้นปี โดยเป็นการลดราคารุ่น Model S และ Model X ลง 4-9% อันจะทำให้รถ Model S ทั้งสองเวอร์ชันราคาลดลง 5,000 ดอลลาร์ โดย Model S Basic ราคาลดลง 5% เหลือ 89,990 ดอลลาร์ ส่วน Model S Plaid ราคาลดลง 4% เหลือ 109,990 ดอลลาร์
รถ Model X ทั้งสองเวอร์ชัน ราคาลดลง 10,000 ดอลลาร์ โดย Model X Basic ราคาลดลงไป 9% เหลือ 99,990 ดอลลาร์ และ Model X Plaid ราคาลดลง 8% เหลือ 109,990 ดอลลาร์
ในระยะหลัง อีลอน มัสก์ ย้ำว่าเทสลาจะให้ความสำคัญกับการปรับลดราคาเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ และประสบความสำเร็จในการเพิ่มยอดสั่งซื้อเมื่อครั้งประกาศลดราคาทั่วโลกในเดือนม.ค. เขาระบุว่าความต้องการเป็นเจ้าของรถเทสลามีสูงมาก แต่อุปสรรคคือความสามารถในการจ่ายเงินเพื่อซื้อรถ
ต่างชาติเดินทางเข้าเวียดนามเพิ่มกว่า 30 เท่า
สำนักงานสถิติเวียดนามรายงานว่า มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าเวียดนาม 933,000 คนในเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 31.6 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ผลจากการเปิดรับนักเดินทางต่างชาติเต็มรูปแบบ และการกลับมาให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศอีกครั้ง
ในช่วงเวลาดังกล่าว ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเวียดนามทั้งหมด แบ่งเป็นผู้เดินทางทางอากาศ 89.6%, ผู้เดินทางทางบก 9.6% และทางทะเล 0.8% โดยส่วนใหญ่มาจากเอเชีย 74% ของทั้งหมด
ส่วนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเวียดนามในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. 2566 เพิ่มขึ้นแตะ 1.8 ล้านคน หรือพุ่งขึ้น 36.6 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนโควิดระบาดในปี 2562 ถึง 60%
สำนักงานการบินพลเรือนเวียดนาม เปิดเผยว่า ขณะที่การเดินทางทางอากาศทั่วโลกกำลังฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ จำนวนผู้โดยสารทางอากาศของเวียดนามก็พุ่งขึ้นเกือบ 20 ล้านคนในเดือนม.ค.-ก.พ. ขณะที่การท่องเที่ยวเวียดนามเปิดเผยว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 3.7 ล้านคนเดินทางเข้าเวียดนามในปี 2565 และเวียดนามตั้งเป้าต้อนรับนักเดินทางต่างชาติ 8 ล้านคนในปี 2566
