เจพีมอร์แกนระบุวิกฤตธนาคารคลี่คลายหลังซื้อเฟิร์สรีพับลิก
เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเจพีมอร์แกนเชส เปิดเผยว่าวิกฤตการณ์ซึ่งเป็นเหตุให้ธนาคารระดับภูมิภาค 3 แห่งของสหรัฐล่มสลาย ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว หลังจากเจพีมอร์แกนเชสตัดสินใจเข้าซื้อกิจการธนาคารเฟิร์ส รีพับลิก แบงก์
ไดมอนมองว่าการซื้อกิจการเฟิร์ส รีพับลิก จะทำให้วิกฤตการณ์ในภาคธนาคารคลี่คลายลงเกือบทั้งหมด หลังจากมีการมองกันถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารหลายแห่งอาจเผชิญปัญหาสภาพคล่องในลักษณะนี้ และอาจมีธนาคารขนาดเล็กที่ประสบปัญหา
ด้านโฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า กระทรวงการคลังยินดีที่ปัญหาของเฟิร์ส รีพับลิก ได้รับการแก้ไขโดยสถาบันประกันเงินฝากไม่ต้องรับภาระมากนัก และเชื่อว่าระบบธนาคารยังมีสภาพดีและมีความยืดหยุ่นในการฟื้นตัว
กระแสวิตกภาคธนาคารยังไม่จาง หลังกรณีเฟิร์สรีพับลิก
นักวิเคราะห์ชี้ ความพยายามของรัฐบาลสหรัฐและอุตสาหกรรมการเงิน ในการซื้อกิจการเฟิร์ส รีพับลิก เพื่อป้องกันวิกฤตบานปลาย ตอกย้ำสิ่งที่สหรัฐและนานาชาติวิตกเกี่ยวกับภาคธนาคาร โดยเจพีมอร์แกนเชสได้เข้าซื้อสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของเฟิร์ส รีพับลิกและเข้าคุมเงินฝากทั้งหมด ทั้งที่ได้รับการคุ้มครองและไม่ได้รับการคุ้มครอง ตามข้อตกลงที่สถาบันประกันเงินฝากของสหรัฐเข้ามาจัดการให้
การเข้าซื้อกิจการมีขึ้นหลังจากคนแห่ถอนเงินจากเฟิร์ส รีพับลิกทั้งที่กลุ่มธนาคารยักษ์ใหญ่ได้อัดฉีดเงินให้แล้ว การเข้าแทรกแซงครั้งล่าสุดของสถาบันประกันเงินฝากของสหรัฐในครั้งนี้มีแนวโน้มจะจุดกระแสวิตกเกี่ยวกับสภาพโดยรวมของภาคธนาคารสหรัฐ ซึ่งได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยระดับต่ำมาหลายปี จนกระทั่งธนาคารกลางเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อปรามเงินเฟ้อ
สายการบินแควนตัสตั้งซีอีโอหญิงคนแรก
แควนตัส แอร์เวยส์ สายการบินประจำชาติออสเตรเลีย แต่งตั้งเวเนสซา ฮัดสัน ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ให้เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คนต่อไป ทำให้ฮัดสันเป็นสตรีคนแรกที่จะได้ทำหน้าที่บริหารสายการบินอายุร้อยปีแห่งนี้
ฮัดสันจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่อจากอลัน จอยซ์ ซึ่งทำหน้าที่ซีอีโอมา 15 ปี จนกลายเป็นผู้ดำรงตำแหน่งซีอีโอนานที่สุดในบริษัทรายใหญ่ของออสเตรเลีย ขณะที่ฮัดสันจะเป็นผู้บริหารหญิงไม่กี่คนที่ขึ้นกุมบังเหียนซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลีย แม้สายการบินเวอร์จิน แอตแลนติก จะมีซีอีโอสตรีเช่นกันก็ตาม
ฮัดสันระบุว่าเธอมีความเข้าใจองค์กรนี้อย่างลึกซึ้ง ประสบการณ์ที่เธอทำงานกับแควนตัสมา 28 ปี รวมถึงการช่วยบริหารในช่วงโควิด ทำให้เธอเข้าใจอย่างดีในหลายด้าน
ไอเอ็มเอฟเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชีย
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยระบุว่าได้รับแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของจีนและการขยายตัวที่มีความยืดหยุ่นในอินเดีย ขณะที่พื้นที่อื่นๆ ของโลกมีแนวโน้มเผชิญภาวะเศรษฐกิจเติบโตแบบชะลอตัวผลพวงของการคุมเข้มนโยบายการเงินและรัสเซียโจมตียูเครน
ไอเอ็มเอฟคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของเอเชียแปซิฟิกจะขยายตัว 4.6% ปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.3% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ในส่วนของรายประเทศ ไอเอ็มเอฟเพิ่มคาดการณ์สำหรับจีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และลาวสู่ 5.2%, 4.5%, 6% และ 4% ตามลำดับ พร้อมลดคาดการณ์เศรษฐกิจอินเดียลงสู่ 5.9% นอกจากนี้ ยังลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงสู่ 3.4% ซึ่งลดลง 0.3% จากที่เคยคาดการณ์ ส่วนในปี 2567 คาดว่าจะเติบโต 3.6%
ผลสำรวจชี้งาน 14 ล้านตำแหน่งจะหายไปช่วง 5 ปีหน้า
เวิลด์อีโคโนมิกฟอรัมเผยผลการสำรวจบริษัทมากกว่า 800 แห่งที่พบว่าตลาดแรงงานโลกจะถูกดิสรัปครั้งใหญ่ใน 5 ปีข้างหน้า เมื่อเศรษฐกิจอ่อนแอลงและบริษัทต่างๆ นำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น อย่างปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)
บรรดานายจ้างมีเป้าหมายที่จะสร้างงานใหม่ 69 ล้านตำแหน่งภายในปี 2027 และลดตำแหน่งงานที่มีอยู่เดิม 83 ล้านตำแหน่ง อันหมายความว่าจะมีงาน 14 ล้านตำแหน่งที่หายไป โดยปัจจัยหลายอย่างจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน รวมถึงการหันไปใช้ระบบพลังงานทดแทนซึ่งจะช่วยสร้างงานได้มาก ขณะที่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสูง จะนำไปสู่การลดงาน
ส่วนการใช้ปัญญาประดิษฐ์จะมีทั้งผลดีและผลเสียแก่แรงงาน โดยบริษัทจะยังต้องการคนงานเพื่อช่วยบริหารเครื่องมือด้านเอไอ ขณะเดียวกันหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในบางอาชีพ
