“เศรษฐา” มั่นใจ “สุทิน” คุมกลาโหมได้ไร้ปัญหา
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีเสียงสะท้อนการจัดตำแหน่งใน คณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่าหากพลเรือนมาคุมกองทัพ อาจจะเป็นการถูกด้อยค่า โดยเศรษฐา กล่าวตอบว่าสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีผู้รายชื่อ พรรค พท. เป็นผู้อาวุโส เป็น ส.ส.หลายสมัย เท่าที่รู้จักนายสุทิน เป็นคนที่ให้เกียรติคน และเชื่อว่าการประสานงานกับกองทัพจะเป็นไปได้ด้วยดี ส่วนตัวจะเข้าไปช่วยดูตรงนี้ด้วย ต้องให้แน่ใจว่าทุกสถาบันได้รับการดูแล เอาใจใส่ และได้รับการพูดคุยอย่างเหมาะสม และสมฐานะ
ทั้งนี้ภายหลังราชกิจจาเผยแพร่คำสั่ง โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2566 จำนวน 762 ตำแหน่ง โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป โดยโผไม่พลิกไปจากรายชื่อเดิมแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์หน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เปิดเผยผ่านสื่อที่บางคนอาจไม่เหมาะกับบางตำแหน่งว่า ต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล และผู้ที่ประสานงานจัดตั้ง ครม.ด้วย คิดว่าหน้าตาหรืออะไร ก็มีสิทธิ์ที่คนจะคิดกันได้ แต่ต้องให้เกียรติกับรัฐมนตรี และมั่นใจว่ารัฐบาลมีภารกิจมาก และมีเป้าหมายในการทำงานอย่างชัดเจน คงวัดกันที่ตรงนี้ เพราะวันนี้ทุกคนคงต้องเริ่มทำงานแล้ว
“ประยุทธ์” อำลาทำเนียบฯ เปิดทางรัฐบาลใหม่เตรียมงาน
รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีมีการเผยข่าวระบุว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไม่เข้าปฎิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป
โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังคงรักษาการณ์อยู่จนกว่าคณะรัฐมนตรีได้ถวายสัตย์ปฎิญาณตน ทั้งนี้ ด้วยมารยาททางการเมือง นายกรัฐมนตรีมีความประสงค์อยากให้เวลาคณะทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาเตรียมสถานที่ปฎิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ จึงจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบวันนี้เป็นวันสุดท้าย
นายกฯยังคงมีภารกิจในเรื่องการพิจารณาลงนามเอกสาร ซึ่งทำได้ตามปกติ โดยจะไม่ขัดต่อมาตรา 169 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ตั้งใจทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาในทุกๆ ด้าน ให้ประเทศชาติก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อความสงบสุข และเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน จากนี้จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป
“พัชรวาท” ลาออก 4 บอร์ดเอกชน เตรียมนั่งรองนายกฯควบ ทส.
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรพลังประชารัฐ (พปชร.) รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในรัฐบาลเศรษฐา 1 นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ แจ้งขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการอิสระ และกรรมการของคณะกรรมการชุดย่อยต่างๆ ของบริษัทโดยให้มีผลทันทีในวันนี้ (30 สิงหาคม 2566)
ขณะเดียวกัน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ก็ได้ทำหนังสือแจ้ง ตลท.เช่นกันว่า พล.ต.อ.พัชรวาทได้ลาออกจากกรรมการอิสระของบริษัทด้วย และการลาออกดังกล่าวทำให้สถานภาพกรรมการในกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและสรรหาและตำแหน่งกรรมการชุดอื่นๆ ได้สิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน และมีผลตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมเป็นต้นไป
บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EAแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า พล.ต.อ.พัทรวาทได้แจ้งขอลาออกจากการดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ กรรมการบริหารความเสี่ยงของบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป
และบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD ที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า พล.ต.อ.พัทรวาท วงษ์สุวรรณ ได้แจ้งลาออกจากตำแหน่งรองประธานกรรมการและกรรมการอิสระของบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป เช่นเดียวกัน
“มนพร” แจงไม่ปาดหน้าใคร ได้เป็น รมต.เพราะผลงาน
มนพร เจริญศรี สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนแห่งหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่ามนพร ได้ รมช.คมนาคม โบนัสโค่นสหายแสง ว่าตนได้ติดตามข่าวสารนี้ จากพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครพนม ส่งมาให้ เนื่องจากเกิดความไม่สบายใจ เพราะในการวิเคราะห์ข่าว อาจส่งผลให้ตนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะการชี้นำว่า เป็นการปาดหน้า สส.อาวุโสคนอื่น จึงทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความกังวลว่า จะมีผลกระทบในอนาคต จึงขอออกมาชี้แจง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชน เกิดความสบายใจ และไม่สับสนในข้อมูลข่าวสาร
กรณีมีการกล่าวหาว่า หลังเลือกตั้งตนเดินตามสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.ยุติธรรม นั้น ไม่เป็นข้อเท็จจริง เพราะการลงพื้นที่หลายจังหวัด ไปในนามคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเกษตรพรรคเพื่อไทย ที่ลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหา โดยไม่ใช่เป็นการเดินตาม หรือ รวมกลุ่ม เพื่อเรียกร้องตำแหน่ง ตามที่พยายามชี้นำสังคมให้เข้าใจผิด
ส่วนกรณีกล่าวหาว่า ปาดหน้า สส.อาวุโสคนอื่นในภาคอีสาน เลื่อนชั้นติดโผ รมช. รวมถึงชี้นำว่า จ.นครพนม มี สส. 2 คน แต่จังหวัดอื่นมี สส. 5-6 คน กลับไม่ได้นั้นขอเรียนข้อเท็จจริงว่า ที่ผ่านมาตนทำงานให้กลับพรรคเพื่อไทยมาอย่างหนัก และทุ่มเทมาโดยตลอด โดยตนเป็น สส.มา 3 สมัย ยึดโยงกับพื้นที่ตลอด จึงอาจทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคเห็นผลงานและความสามารถ ซึ่งไม่ใช่เป็นการไปปาดหน้าใครทั้งสิ้น
“ปิยะบุตร” โวย “ก้าวไกล” ไม่รอบคอบทำเสียเก้าอี้ กมธ.
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก “Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล” ระบุว่า การลาออกของ ส.ส.ระยอง ทำให้พรรคก้าวไกลเสียสัดส่วนประธานกรรมาธิการ จาก 11 คณะ เหลือ 10 คณะ
ตามธรรมเนียมของสภาผู้แทนราษฎรไทย การจัดสรรปันส่วนตำแหน่งในสภา จะใช้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละพรรคมีมาใช้ในการคำนวณ
เมื่อวานนี้มีข่าวออกมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้คำนวณสัดส่วนประธานกรรมาธิการสามัญ 35 คณะ ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า แต่ละพรรคจะมี ส.ส.ของพรรคตนดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญจำนวนเท่าไร
โดยคำนวณตามสูตร (จำนวนคณะกรรมาธิการสามัญ x จำนวน ส.ส.ของพรรค) หารด้วย จำนวน ส.ส.ที่สภามีอยู่ผลปรากฏว่าพรรคก้าวไกล มี ส.ส. 150 คน (นครชัย ขุนณรงค์ ลาออกจาก ส.ส.ระยอง เขต 3) คำนวณตามสูตร 35 x 150 หารด้วย 499 ได้ 10.5210 ปัดเศษได้ 10 คณะ ซึ่งน้อยกว่าทางฝั่งรัฐบาลเนื่องจากปัดเศษทศนิยมแล้วได้ตามนี้
การถูกลดจาก 11 เหลือ 10 ถือว่ากระทบกระเทือนอย่างมากเมื่อยิ่งรู้ว่า การลดจาก 11 เหลือ 10 เป็นผลจาก ส.ส.ลาออก 1 คน ก็ยิ่งน่าเสียดายเข้าไปอีก โดยเมื่อตำแหน่งประธาน กมธ.ของพรรคก้าวไกลที่หายไป กลายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ก็ยิ่งน่าเจ็บใจ
