“ประยุทธ์” จำต้องถอยจากการเมือง ขอทำดีที่สุดจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให่สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า วันนี้ขอพูดแล้วกัน จำเป็นต้องถอยห่างออกจากการเมือง ฉะนั้นอย่ามาถามในเรื่องการเมือง ช่วงนี้เดินหน้ามาสู่ช่วงเปิดรัฐสภาโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสมัยประชุมรัฐสภา ในวันที่ 3 ก.ค.นี้
จากนั้นจะมีการพิจารณาเลือกประธานสภาฯ ต่อไปก็เดินหน้าไปสู่การเลือกนายกฯ ซึ่งตนขอกำหนดบทบาทของให้ชัดเจนว่า จำเป็นต้องถอยออกมาตรงนี้ก่อน แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ โดยการทำงานจะไปทำเฉพาะเน้นเรื่องงานของรัฐบาล ซึ่งมีเวลาอยู่จำกัดในตอนนี้ เพื่อจะรักษาเสถียรภาพของประเทศชาติไว้ให้ได้ ทางด้านเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง รวมถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ส่วนเรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องของการเมืองที่จะว่ากันไป อย่าให้ตนเองไปทำให้มันเกิดปัญหาความขัดแย้งอีกเลย
“ชลน่าน” งงข่าว ‘เพื่อไทยยอมถอยประธานสภาฯแลกแกนนำตั้งรัฐบาล
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผย ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า มีการตกลงเรื่องประธานสภาฯ กับพรรคก้าวไกลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพรรคเพื่อไทยจะยอมถอยให้ ซึ่งมีเงื่อนไขคือ หาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่สามารถผ่านการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีได้ พรรคเพื่อไทยจะขอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเอง พร้อมกับได้ตำแหน่ง 2 รองประธานสภาฯนั้นว่าไม่รู้ที่มาที่ไปของข่าวดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องของการปล่อยข่าวมากกว่า
ยิ่งปล่อยข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ตนก็พูดมาตลอดว่า เพื่อไทยไม่มีแผน 2 แผน 3 เพราะเราเคารพพรรคแกนนำที่ชนะอันดับ1 มีแผนเดียวคือสนับสนุนพรรคแกนนำและสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เพราะหากเราไปพูดถึงแผน 2 แผน 3 มันก็จะถูกตีความมาก เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่า เราไปขอเป็นแกนนำอะไรต่างๆ ยืนยันมันไม่มีในสิ่งที่ได้พูดคุยกันทั้งนั้น
“เศรษฐา” ปัดรอเสียบเก้าอี้นายกฯแทน “พิธา” หากเกิดอุบัติเหตุการเมือง
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยว่าถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพรรคเพื่อไทยยอมถอยตำแหน่งประธานสภาฯ ให้พรรคก้าวไกล เพื่อเตรียมพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีแทนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา
โดยมองว่าข่าวดังกล่าวเป็นเพียงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ขอให้รอฟังข้อเท็จจริงจากหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รวมถึงฝ่ายเจรจาก่อน ตอนนี้ยังไม่อยากให้มองไปไกล เพราะต้องผ่านขั้นตอนการเลือกประธานสภาฯก่อน ขอให้อดใจรอ ซึ่งพรรคเพื่อไทยยึดมั่นหลักการฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือทำงานร่วมกัน และมั่นใจเรื่องตำแหน่งประธานสภา จบลงด้วยดี โดยตามขั้นตอนพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนนายพิธาให้เป็นนายกรัฐมนตรี “ส่วนตัวตนไม่ได้คิดถึงเรื่องการไปนั่งเก้าอี้นายกฯตอนนี้ต้องพยายามให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีก่อน และพรรคเพื่อไทยย้ำมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องผลักดันให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง หวังว่าจะไม่มีอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น”นายเศรษฐากล่าว
“ประวิตร” นำทีม ส.ส.พปชร.ปฐมนิเทศ ส.ส. 2 ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ เตรียมจัดกิจกรรมปฐมนิเทศ ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของพรรค และสมาชิก โดยจะจัดขึ้น ในวันที่ 2 ก.ค. เวลา 13.00-17.30 น. ณ ห้องประชุมพรรคพลังประชารัฐ
โดยพล.อ.ประวิตร มีกำหนดการขึ้นกล่าวเปิดปฐมนิเทศ ในเวลา 13.30 น. จากนั้น จะเป็นการบรรยายเกี่ยวกับเรื่องบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบ ส.ส. ของ “นายสันติ พร้อมพัฒน์” เลขาธิการพรรค และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ภาคเหนือ ในการรับฟังพร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นจากสมาชิกของพรรคด้วย ก่อนที่ ส.ส.ของพรรคจะร่วมในรัฐพิธีเปิดประชุมสภาฯ 3 ก.ค.นี้
“อลงกรณ์” ประกาศลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
อลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในการประชุมใหญ่พรรควันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ในการสรรหาหัวหน้าพรรค หลังจากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาทำให้ต้องมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ อลงกรณ์ระบุว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องการก้าวใหม่ของตัวเองและโอกาสใหม่จากประชาชนด้วยการแสดงออกถึงภาวะผู้นำที่เข้มแข็งและกล้าหาญบนจุดยืนประชาธิปไตยที่ชัดเจนนำประเทศออกจากกับดักความขัดแย้งและวงจรอุบาทว์ด้วยหลักนิติรัฐและธรรมาภิบาลสู่เอกภาพและศักยภาพใหม่ของประเทศเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของทุกคน
โลกเปลี่ยนเร็วและแข่งขันแรงทั้งการเมือง เศรษฐกิจและเทคโนโลยี ประเทศไทยต้องมีพรรคการเมืองที่ทันสมัยก้าวหน้าทันโลกทันเกมและก้าวใหม่ประชาธิปัตย์คือคำตอบ ตนเชื่อมั่นว่า ด้วยวิสัยทัศน์ความรู้และอุดมการณ์ที่มั่นคงกับพรรคประชาธิปัตย์ตลอด 30 ปีรวมทั้งประสบการณ์เป็นรองหัวหน้าพรรค4สมัยเป็น ส.ส.6 สมัยและเป็นรัฐมนตรีมาแล้วจะสามารถนำพรรคสู่ก้าวใหม่ด้วยการปฏิรูปพรรคเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน ด้วยแนวทางเสรีนิยมก้าวหน้าภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรคและส.ส.ของพรรคเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 จะนำพาพรรคไปสู่เป้าหมายได้
