“เศรษฐา” นัดถกผู้เชี่ยวชาญเร่งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยมองว่า เป็นเรื่องสำคัญและเป็นมาตรการหลักของพรรคเพื่อไทยยืนยันเดินหน้าเต็มตัวแต่ตอนนี้ขอดูรายละเอียดอีกทีก่อน
โดยวันจันทร์และวันอังคารนี้ได้มีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุยรวบรวมข้อมูล และจะจัดทำไทม์ไลน์ของโครงการหวังว่าในไตรมาสหนึ่งปีหน้าจะดำเนินการได้
เมื่อถามว่า ข้อมูลข่าวความนิยมของ ศรีปทุมโพลพบว่าความนิยมของพรรคเพื่อไทยลดลงร้อยละ 60 นายเศรษฐา ระบุว่า ขอให้ผลงานพรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องพิสูจน์
ซึ่งขณะนี้เราทำงานทุกวัน และทุกคนร่วมกันโดยไม่มีความเหน็ดเหนื่อย โดยยอมรับว่าความคาดหวังของคนไม่สามารถควบคุมได้ แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยได้คุยพรรคร่วมรัฐบาล ทุกคนจะเข้าใจ
“ภูมิใจไทย” ผงาดคุมกระทรวงใหญ่มหาดไทย-ศึกษา-อว.
ผู้สื่อข่าวรายงานการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรี “เศรษฐา1″ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย แน่ชัดแล้วว่าอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค จะนั่งรองนายกฯควบรมว.มหาดไทย รวมถึงในส่วนของ รมช.มหาดไทยจะเป็นชื่อของชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี
สำหรับตำแหน่งอื่นๆได้แก่ ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์
4 เก้าอี้ พปชร.ลงตัว “ธรรมนัส” นั่งว่าการเกษตรฯ
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยถึงสัดส่วน เก้าอี้รัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐที่ได้โควต้า 4 ตำแหน่ง ล่าสุดชัดเจนว่า พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค มีชื่อนั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.อ.ธรนัส พรหมเผ่าสส.พะเยาในฐานะเลขาธิการพรรค มีชื่อนั่งรมว.เกษตรและสหกรณ์
ขณะที่ตำแหน่งรมช. 2 ตำแหน่ง สันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค จะได้เป็น รมช. สาธารณสุข ส่วนไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร มีโอกาสลุ้นเก้าอี้รมช. พาณิชย์
ส่วนแกนนำพลังประชารัฐที่มีการต่อรองโควตารัฐมนตรี จากที่ได้รับจัดสรร 2รมว. และ 2รมช. โดยมีการเรียกร้องขอเพิ่มอีก 1 รมช. รวมเป็น3 และยังมีชื่อของตรีนุช เทียนทอง มีโอกาสได้รับตำแหน่งในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากถูกมองว่าเป็นคนสนิทและใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
“พิธา” พบชนกลุ่มน้อย รับปากผลักดัน พรบ.ชาติพันธุ์
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ , น.ส.พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ ส.ส.กทม. และ สุรพงษ์ กองจันทึก ประธานผสานวัฒนธรรม เดินทางมาร่วมงานประเพณีผูกข้อมือเรียกขวัญเดือนเก้า (กี่จึลาคุปุ) ของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวปกาเกอะญอ ที่วัดพระยาสุเรนท์ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีชาวปกาเกอะญอแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
ขณะที่ชาวปกาเกอะญอที่ร่วมงาน เมื่อเห็นพิธาเดินทางมาถึงที่จัดงาน ได้ส่งเสียงต้อนรับให้กำลังใจ พร้อมกับนำดอกไม้มามอบให้นายพิธา อย่างเนืองแน่น พิธาได้สวมเสื้อชนเผ่าพื้นเมืองมาร่วมงาน และกล่าวบนเวที ทักทายพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ ว่า คุณค่าของพี่น้องกะเหรี่ยงอยู่ในใจของตนเสมอ ในการทำงาน ชุดประจำของพี่น้องข้างหน้าจะเป็นยังไงข้างหลังก็เป็นอย่างงั้น ความตรงไปตรงมาความคงเส้นคงว่าจะอยู่คู่กับตนตลอดไป เสื้อที่พี่น้องให้มา ไม่มีปก ไม่มีตะเข็บ ไม่มีกระเป๋า เปรียบเหมือนความเรียบง่ายติดดินของประชาชน ตราบใดที่ผมยังเป็นคนของประชาชนอยู่ ก็จะเป็นแบบเดิมเสมอไป และนี่คือการยืนยันว่า ยังมีนักการเมืองที่ยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องชาวกะเหรี่ยงชาวชาติพันธุ์อย่างแน่นอน
และเชื่อว่าความหลากหลาย คือจุดแข็งของประเทศนี้ไม่ใช่จุดอ่อน ทั้ง พรบ.ชาติพันธุ์ ที่มี4เสาดูแลพี่น้องอย่างเป็นธรรม โดยไม่ลดความเป็นชาติพันธุ์แม้แต่นิดเดียว ทั้งเรื่องสัญชาติ สาธารณสุข ทุกคนจะต้องอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีในประเทศนี้
“สมศักดิ์” ชูโครงการโคล้านตัว แก้หนี้สินเกษตรกร
สมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ นิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ พรรคเพื่อไทย คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน จากอำเภอพรเจริญ อำเภอโซ่พิสัย และ อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ จำนวนกว่า 50 คน ที่ได้มาศึกษาดูงานโครงการโคล้านตัวจังหวัดสุโขทัย ที่บ้านดอนจันทร์ ตำบลบ้านไร่ อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย โดยได้เยี่ยมชมดูการเลี้ยงโคของเกษตรกร ผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 3 ราย เพื่อเอาแนวทางการดำเนินงานของโครงการและผลความสำเร็จ ไปสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ของตนเองที่ จังหวัดบึงกาฬ
สมศักดิ์ กล่าวว่า โครงการโคล้านตัว ตนได้คิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา เพราะอยากให้รัฐบาล ขับเคลื่อนช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ให้มีรายได้เสริม แต่ปรากฎว่า โครงการยังไม่ได้ขับเคลื่อน อาจเป็นเพราะรัฐบาล ยังไม่มีความเข้าใจ และยังไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียด จึงไม่เชื่อแม้กระทั่งว่า โคกินหญ้าอย่างเดียวก็อยู่ได้
ตนจึงทำโครงการต้นแบบให้เห็น และเป็นผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีเกษตรกร ได้รับโคไปเลี้ยง 2 ตัว ตั้งแต่ปี 62 ทำให้ปัจจุบันเกษตรกรบางราย มีลูกวัวถึง 8 ตัว ซึ่งมีมูลค่ากว่า 180,000 บาท ทำให้สามารถนำเงินทุนกลับมาคืนโครงการได้แล้ว
ตนหาทุนเอกชนมานำร่องที่จังหวัดสุโขทัย เพราะไม่สามารถผลักดันให้รัฐบาลขับเคลื่อนโครงการได้ จึงทดลองทำโครงการขึ้นมา เพื่อให้รัฐบาล ได้เข้าใจและสามารถนำไปพัฒนาใช้ได้ ซึ่งโครงการนำร่องนี้ หากผ่านไป 5 ปี เกษตรกร ต้องคืนโค 2 ตัว เพื่อหมุนเวียนให้เกษตรกรรายอื่นนำไปเลี้ยงต่อ ผมจึงขอเชิญชวนให้เลี้ยงวัว เพราะมั่นใจว่า จะสามารถมีเงินใช้หนี้ได้แน่นอน ทำให้ลูกหลานได้เรียนหนังสือ และมีความสุขทั้งครอบครัว
