“วิษณุ” สั่งกรมราชทัณฑ์ ดูแลความปลอดภัย “ทักษิณ”
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการรมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการการเดินทางกลับประเทศไทยวันที่ 10 ส.ค.นี้ ว่าทักษิณก็ทวิตข้อความเรื่องนี้ สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อได้รับรู้แล้ว ก็ต้องเตรียมการ แต่ยังเร็วไปที่จะบอกว่าเตรียมการไว้อย่างไร โดยจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานมาก่อน เพราะทั้งหมดก็เพิ่งรู้พร้อมกันเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะกลับวันที่ 10 ส.ค. ทีแรกนึกว่าเขาจะกลับมาในวันเกิดคือวันที่ 26 ก.ค.ด้วยซ้ำไป ก่อนหน้านั้นก็มีข่าวลือว่าจะเป็นวันที่ 31 ก.ค. ตนก็เชื่อไปแล้วแต่เมื่อมาได้ยินจากปากทักษิณ ก็เป็นไปตามนั้น
ทั้งนี้ตนได้กำชับกรมราชทัณฑ์ว่าให้ดูแลใน 3 เรื่องเป็นพิเศษ คือ 1.ความปลอดภัย ซึ่งตรงนี้จะทำให้นายทักษิณได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่น เพราะนักโทษอื่นไม่มีปัจจัยเสี่ยงตอนนี้ 2.ให้มีความสะดวกตามสมควร แต่ไม่สะดวกมากจนเป็นอภิสิทธิ์ เนื่องจากจะมีคนเข้าเยี่ยม โดยคาดว่าจะมีองค์การระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน และแฟนคลับ มวลชนจำนวนมาก และ 3.ให้มีความสบายตามสมควร เพราะอายุเกิน 70 ปี และป่วย ก็คงไม่เหมือนกับคนที่อายุ 25 หรือ 30 ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกำหนดเวลาหรือไม่ว่าต้องถูกคุมขังเป็นจำนวนกี่วันจึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ นายวิษณุกล่าวว่า ใน 24 ชั่วโมงก็ทำได้ แต่ไม่ทราบว่าเขาจะขอหรือไม่ จะไปพูดแทนไม่ได้ เมื่อถามว่าขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษต้องเริ่มต้นอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อเดินทางกลับมาเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่ระบบ และเมื่อเขาพร้อม ก็ต้องเขียนฎีกาอธิบายค่อนข้างยืดยาว เพราะเมื่อยื่นไปแล้ว แต่ถ้าไม่มีโปรดเกล้าฯลงมา จะยื่นอีกไม่ได้ภายใน 2 ปี
“อนุทิน” ปัดบินไปฮ่องกงพบ “ทักษิณ” ชี้วันที่ไม่ได้ไปรับที่ดอนเมือง อาจอยู่ที่สภาฯ
อนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวให้สัมภาษณ์กรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 ส.ค.นี้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และเป็นการตัดสินใจของทักษิณเอง
ส่วนกระแสข่าวลือว่าตนเดินทางไปพบนายทักษิณที่เกาะฮ่องกงนั้น โดยอนุทิน ถามกลับสื่อมวลชนว่า “ผมอีกแล้วหรือ” ก่อนหัวเราะและตอบว่า ยังไม่ได้ออกนอกประเทศไปไหนเลย และช่วงนี้ก็ยังไม่มีโปรแกรมเดินทางไปไหน และเมื่อวานนี้ (26ก.ค.)
ส่วนวันที่ 10 ส.ค.นี้จะเดินทางไปไหนหรือไม่นั้น อนุทิน กล่าวว่า ถ้ามีประชุมรัฐสภาตนก็ต้องอยู่สภาฯ
เมื่อถามย้ำว่า จะไปดอนเมืองเพื่อไปรับทักษิณหรือไม่ ในฐานะที่เคยทำงานอยู่กับพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น อนุทิน ถึงกับหัวเราะก่อนที่จะระบุต่อว่า มันคนละบทบาทหน้าที่กัน ส่งกำลังใจ ส่งความปรารถนาดีให้ อย่างไรก็ตาม ทักษิณเคยเป็นผู้บังคับบัญชา และมีความเมตตากับตนมาโดยตลอด ซึ่งการกลับเข้ามาทักษิณก็พร้อมที่จะดำเนินตามกฎหมาย ตามกระบวนการ ใครๆก็อยากกลับบ้าน ไม่มีที่ไหนน่าอยู่เท่าเมืองไทย
“วันนอร์” นัดประชุมสภาฯ 4 ส.ค. ลุ้นโหวตนายกฯรอบ 3 ถกแก้รธน.มาตรา 272
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกฯ รอบ3 ว่าตนจะหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อออกหนังสือเชิญประชุมวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งมี 2 วาระ คือ การโหวตเลือกนายกฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตซ์ สว.ในการโหวตนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ในความเป็นไปได้ของศาลรัฐธรรมนูญต่อการพิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาเบื้องต้นว่าจะรับหรือไม่ วันที่ 3 สิงหาคมนี้ ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง รวมถึงจะมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการพิจารณาวาระเลือกนายกฯ หรือไม่ ทั้งนี้หากศาลไม่รับจะเดินหน้าโหวตนายกฯต่อ แต่หากศาลรับ ตนจะให้พิจารณาวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยที่จริงแล้วจนเองก็ไม่อยากพูดไปล่วงหน้าในเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ แต่จะหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องไว้ เพื่อออกวาระประชุมก่อนวันหยุดยาว เพราะหากรอศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งวันที่ 3 ส.ค. อาจจะไม่ทันจึงต้องนัดล่วงหน้าไว้ก่อน
“รังสิมันต์ ” โพสต์โชว์ทางออกตั้งรัฐบาลไม่ต้องรอ 10 เดือน
รังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เป็นบทความชื่อ ทางออกหมายเลข 272: จะต้องรออีก 10 เดือนหรือไม่ ส.ว. มีหน้าที่ต้องตัดสินใจ
โดยระบุว่า เห็นข้อถกเถียงในสังคมต่อสถานการณ์การเลือกนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ ที่ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ว. มีส่วนร่วมลงมติเลือกด้วย ซึ่งยังเหลือเวลาอีกประมาณ 10 เดือนที่ ส.ว. จะมีอำนาจนี้ว่าตกลงแล้วเราควรจะ “รอ” ไปจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาแล้วค่อยเลือกนายกฯ โดย ส.ส. เท่านั้น หรือจะ “ยอม” ให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุดไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะประกอบด้วยพรรคใดบ้างก็ตาม
ทั้งนี้ยืนยันว่าการรวมตัวของ 8 พรรคการเมือง 312 เสียง (ซึ่งมีพรรคก้าวไกลรวมอยู่ด้วย) เป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรนั้นมีความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยครบถ้วนแล้วทุกประการที่จะจัดตั้งเป็นรัฐบาลของประชาชนได้ และยืนยันที่จะอยู่ร่วมกับ 8 พรรคร่วมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ตราบเท่าที่ 1. “มีลุงไม่มีเรา” ไม่ดึงพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติเข้ามาเป็นรัฐบาลด้วย 2. พรรคก้าวไกลจะเดินหน้านโยบายแก้มาตรา 112 ต่อไป ซึ่งทั้ง 2 ข้อสงวนของเรานี้มิได้ทำให้ 8 พรรคร่วมเสียความชอบธรรมทางประชาธิปไตยเลยแม้แต่น้อย และเมื่อทั้ง 8 พรรคยืนอยู่บนจุดที่ถูกต้องในอ้อมกอดของประชาชน นั่นเท่ากับว่าพวกเราได้ทำหน้าที่ในส่วนของพวกเราอย่างเต็มกำลังแล้วที่จะไม่ให้ประชาชนต้องรอต่อไปอีก 10 เดือน ส่วนที่เหลือจึงเป็นหน้าที่ของ ส.ว. แล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร้ต่อ
ฝ่ายกฎหมายก้าวไกลสอบสส.ระยอง หลัง “เสรีพิศุทธิ์” ชี้ขาดคุณสมบัติต้องคดีมาก่อน
ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่านครชัย ขุนณรงค์ หรือ ไอซ์ระยอง สส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติในการเป็นส.ส.หรือไม่ เนื่องจากเคยต้องคดีลักทรัพย์ว่า ทางฝ่ายกฏหมายของพรรคกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะมีความละเอียดอ่อนมากพอสมควร และตอนนี้ได้พูดคุยกับเจ้าตัวแล้ว กำลังขอเอกสารมายืนยันความบริสุทธิ์เพิ่มเติม
เบื้องต้นอาจจะเกิดความสับสนในเรื่องข้อกล่าวหา เพราะช่วงแรกที่ตรวจสอบคุณสมบัติ จากทะเบียนประวัติ ไม่ปรากฏว่าต้องคดีใดๆ ซึ่งอาจจะมีความผิดพลาดใดๆเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ตอนนี้กำลังเร่งตรวจสอบอย่างเต็มที่ เชื่อว่านายนครชัย ไม่ได้ทำการปลอมแปลงเอกสารอย่างแน่นอน
โดยยืนยันว่า ทางพรรคก้าวไกล ไม่ได้ปฏิเสธข้อเท็จจริง หากผิดก็ว่าไปตามผิด และถ้าผิดจริงทางพรรค และสส.รายนี้ มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้ ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ หากได้บทสรุปแล้ว ทางพรรคก้าวไกล จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง
