“ป.ป.ช.” ตั้ง “สุภา ปิยะจิตติ” ประธานเฝ้าระวังนโยบายเงินดิจิทัล
นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังรอ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต หรือเงินดิจิทัลวอลเล็ต ตามที่คณะกรรมการเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริตเสนอ
นิวัติไชย กล่าวว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวที่เสนอขึ้นไป ประกอบด้วย สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน สุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นรองประธาน ขณะที่กรรมการ ได้แก่ มนตรี โสคติยานุรักษ์, สิริลักษณา คอมันตร์, อัจนา ไวความดี, อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ, ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือผู้แทน, อัยการสูงสุด หรือผู้แทน, เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือผู้แทน, เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือผู้แทน, เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือผู้แทน
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน, เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย หรือผู้แทน, ประธานสภาอุตสาหกรรม หรือผู้แทน, ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน, คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, นายภูมิศิริ ดำรงวุฒิ, นางสาวภาณี เอี้ยวสกุล, นายสุทธินันท์ สาริมาน, เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., ผู้อำนวยการสำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม โดยมีผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต เป็นกรรมการและเลขานุการ
“สมศักดิ์” เชื่อปรับเกณฑ์แจกเงินดิจิทัลไม่กระทบเรตติ้ง “เพื่อไทย”
สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยข้อเสนอของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กำหนดหลักเกณฑ์ไม่จ่ายคนรวย จะทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหายในทางการเมืองหรือไม่ ว่าไม่เสียหาย เป็นการปรับไปตามเสียงเรียกร้อง และหากถูกต้องถือเป็นเรื่องดีกว่าไม่ทำอะไรหรือดื้อดึงไปก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อถามว่า จากเดิมที่จ่ายถ้วนหน้ามาเป็นการจัดกลุ่มการจ่ายทำให้คนที่ไม่ได้เสียความรู้สึกหรือไม่สมศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่เสียความรู้สึก เพราะหากเป็นคนรวยก็คงไม่อยากรับ
เมื่อถามว่า เสียเครดิตของพรรคหรือไม่ เพราะหาเสียงไว้อีกอย่างแต่พอถึงเวลาทำไม่ได้ สมศักดิ์ กล่าวว่า “เอ้า มันไม่ใช่ทำไม่ได้ ทำได้ แต่บางคนไม่ประสงค์จะรับหรือประสงค์จะรับมันก็แตกต่างออกไปในประเด็นย่อย แต่ในประเด็นหลักทำได้ก็เก่งมากแล้ว อย่างผมจะใช้หรือไม่ใช้อยู่ที่ตัวเอง เมื่อถามย้ำว่า ล่าสุดเป็นการจัดกลุ่มแล้วทำให้บางคนไม่ได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อ้าว อันนี้ก็พูดกันไป ให้ท่านอื่นเขาพูดกันเถอะ มันไม่ใช่หลักการ
“ชัยธวัช” ผิดหวัง “เศรษฐา” ไม่ตอบกระทู้พรรคก้าวไกล
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ภายหลังเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าไปตอบกระทู้ถามสดของสภาผู้แทนราษฎรแต่กลับไม่ตอบของพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า วันนี้เป็นที่ชัดเจนว่านายกฯ เจตนาไม่ตอบกระทู้ถามสดของพรรคก้าวไกล ต้องการจะตอบกระทู้ถามสดเฉพาะที่ตนเองเตรียมมาตอบหรือชงให้โฆษณารัฐบาลเท่านั้น จริงๆ ประเด็นสำคัญของปัญหาที่ผมต้องการถามนายกฯ จะเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจที่มีลักษณะ “ประยุทธ์คิด เศรษฐาทำ ไอ้โม่งสั่ง” ด้วย
น่าผิดหวังที่คุณเศรษฐา กล้าใช้อำนาจในลักษณะที่อาจผิดกฎหมาย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่ควรปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง แต่ไม่กล้าเผชิญหน้าการตรวจสอบจากฝ่ายค้านในสภา ตั้งใจไม่มาตอบกระทู้ถามสดของก้าวไกล แล้วเข้ามาตอบกระทู้ถามอื่นได้ในเวลาติดกัน
“พิพัฒน์” เล็งของบกลางฯจ่ายจูงใจแรงงานไทยให้กลับจากอิสราเอล
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การอพยพคนงานไทยที่ลงทะเบียนขอกลับกว่า 8,500 คน ขณะนี้กลับมาแล้ว 5,500 คน โดยมีแรงงานเข้ามาวันละ 500-800 คน และจะนำอีก 3,000 คน ที่ลงทะเบียนกลับมาได้หมดภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ส่วนอีก 20,000 คน ที่ยังอยู่ในอิสราเอล พบว่าใน 3-4 วันที่ผ่านมา ไม่มีการลงทะเบียนขอกลับเพิ่ม ในเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีให้หาทางนำกลับมาให้มากที่สุด เพราะสงครามลามจากภาคใต้ไปภาคเหนือของอิสราเอลแล้ว จึงจะหาวิธีการรณรงค์ให้กลับ นอกจากการชดเชย 15,000 บาท จะมีเงินเยียวยาเพิ่มเติมอีก ซึ่งอาจต้องของบกลางจากนายกรัฐมนตรี
โดยเมื่อสถานการณ์มีความเสี่ยงก็ต้องนำกลับ โดยจะหาช่องทางสื่อสารทางโซเชียลไปถึงกลุ่มคนงานให้รับรู้ถึงสิทธิประโยชน์พิเศษบางอย่างหากกลับมา เช่น หนี้สินจะพักต้นพักดอกเป็นเวลา 3 ปี ส่วนที่จะนำงบกลางมาเยียวยานอกเหนือจากเงินเยียวยาจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จำนวน 15,000 บาท ขึ้นกับดุลยพินิจของนายกฯ
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงกรณีแรงงานไทยไม่กลับเพราะมีการจูงใจให้ค่าจ้างเพิ่ม และนายจ้างยื้อเวลาจ่ายเงินเดือนนั้น นายพิพัฒน์ ระบุว่า ที่อิสราเอลจะจ่ายเงินในวันที่ 9 ของเดือนถัดไป จึงขอให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามเวลาเพื่อให้คนไทยกลับบ้าน ส่วนที่นายจ้างเพิ่มเงินจูงใจเพราะอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตร ก็ต้องเห็นใจนายจ้างในภาคอื่นที่ไม่มีผลกระทบความรุนแรง
“จุติ” ชงสภาฯตั้ง คกก.แก้ปัญหาเด็กและเยาวชน พัฒนาอนาคตชาติ
จุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายเหตุผลประกอบการเสนอสภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาการดูและเด็กเยาวชนและความมั่นคงของสถาบันครอบครัว ว่า วันนี้สังคมมีเรื่องเครียดหลายเรื่อง ตนจะไม่สาดน้ำไปในกองไฟ ปัญหาเยาวชนไม่ใช่เป็นปัญหาของครอบครัว แต่เป็นปัญหาของประเทศที่กังวลว่า จะกระทบต่อความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ เพราะแต่ละประเทศแข่งขันกันที่ทรัพยากรมนุษย์ ด้านนวัตกรรมการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ทุกอย่างต้องใช้ความสามารถ สมรรถนะศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ ประเทศไทยก็เช่นกัน อนาคตฝากไว้กับคนรุ่นใหม่ ฝากไว้กับเยาวชน
แต่ที่กังวลใจคือว่า มีเยาวชนอายุเพียง 14 ปีกราดยิงในห้างดังกลางกรุงเทพมหานคร ทำให้ช็อกกันทั้งประเทศว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ความจริงปัญหาเหล่านี้คุกรุ่นมานานแล้ว จึงอยากจะให้สภาผู้ฯได้ตระหนักต้องเร่งแก้ไขที่ต้นเหตุ
นายจุติ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมี 27 ล้านครัวเรือน ตนอยากจะสรุปปัญหาว่าวันนี้เยาวชนที่มีปัญหา ติดยาเสพติด 2,700,000 คน ในจำนวนนี้ อายุ 15-19 ปี ต้องรับการบำบัดถึง 300,000 คน เด็กที่เริ่มเสพยาเสพติดพบว่าอายุเพียง 11 ปีและในหลายชุมชนใช้เด็กอายุ 7 ปีส่งยาบ้า นอกจากนี้ยังมีวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี ตั้งครรภ์ปีละ 150,000 คน มีเด็กติดเกม
เด็กที่ถูกละเมิด ถูกบูลลี่ทางออนไลน์ฆ่าตัวตายเพราะสื่อโซเชียลมีเดียให้คุณให้โทษแล้วแต่ใครจะใช้ประโยชน์ จากสถิติที่สำรวจมาคือ เสพสื่ออนาจารผ่านสื่อออนไลน์ 63% พนันออนไลน์แม้กระทั่งปืนที่มาใช้ในการยิงในห้างเป็นปืนที่ซื้อมาจากออนไลน์ในประเทศ เยาวชนดื่มสุราเพิ่มขึ้นปีละ 2,500,000 คน 98% เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีที่ซื้อแอลกอฮอล์บริโภคเอง มีเด็กอายุต่ำกว่า 19 ปีทำคลอดปีละ 110,000 คนนี่คือข่าวร้ายที่เกิดขึ้น
นอกจากนั้น สิ่งที่ตนกังวลและฝากคณะกรรมการไปศึกษา เพราะหายนะรออยู่ข้างหน้าถ้าสภาฯไม่ได้ แก้กฎหมาย
จากการศึกษาที่สหรัฐอเมริกาว่า 87% จากคนที่ฆ่าคนในสังคมมาจากครอบครัวที่แตกแยก แต่ไทยมีถึง 7 ล้านรายที่เป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นความเสี่ยงของสังคม เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่เป็นปัญหาของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งดังนั้นตนจึงเสนอปัญหานี้ให้สภาฯได้พิจารณา
