“เศรษฐา” ฉลุยนั่งนายกฯคนที่ 30 ของไทย หลังเสียงโหวตเกิน 375 เสียง
วันนี้ (22 ส.ค.) การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พรรคเพื่อไทยได้มีการเสนอชื่อเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย เพียงรายชื่อเดียว
ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ล่าสุดปรากฎว่า การลงมติสนับสนุนนายเศรษฐา มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ375 เสียงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือว่าได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ โดยได้ถึง 482 ต่อ 165 เสียง
จึงเป็นที่แน่ชัดว่า เศรษฐาเป็นนายกฯคนที่30ของประเทศไทย โดยมีรายงานว่าจะมีการรับพระบรมราชองค์การโปรดเกล้าฯเป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทยในช่วงค่ำวันนี้ ที่พรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ผลการลงมติ11พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้ลงมติเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือเห็นชอบ ยกเว้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ขานชื่อลงคะแนน
ขณะที่เสียง “ไม่เห็นชอบ” มาจากพรรคก้าวไกลและพรรคเป็นธรรม ขณะที่พรรคไทยสร้างไทย ลงมติ”งดออกเสียง”
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่มีมติ “งดออกเสียง” ปรากฎว่า นายชวน หลีกภัย และ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ไม่เห็นชอบ ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสรรเพชญ บุญญามณี ส.ส.สงขลา ลงมติงดออกเสียง
ขณะที่ส.ส.กลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษากรเลขาธิการพรรค21คน ส่วนใหญ่ไม่ขานลงคะแนน โดยมีเพียงนายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบฯ นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง “งดออกเสียง “
ขณะที่ พล.ต.ต. สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา นางอวยพรศรี เชาวลิต ส.ส.นครศรีธรรมราช โหวตสวนมติพรรค “เห็นชอบ” นายเศรษฐา
“ก้าวไกล” แถลงเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบเต็มที่
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังมติที่ประชุมรัฐสภาเสียงข้างมาก มีมติเห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ คนที่ 30 ว่า การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ มิใช่การสลายขั้วความขัดแย้ง โดยเอาวาระของประชาชน และวาระของประเทศเป็นตัวตั้ง แต่นี่เป็นการสยบยอม และต่อลมหายใจให้ระบบการเมืองของคณะรัฐประหารปี 2557 พยายามสถาปนาขึ้น ทำลายความหวัง ความศรัทธา อำนาจของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย
ต่อจากนี้ไปพรรคก้าวไกล จะทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยเราจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ทุกเสียงของพี่น้องประชาชนที่มอบให้พรรคก้าวไกลต้องมีความหมาย ผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลทุกคน จะทำงานอย่างสุดความสามารถ ทั้งด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร
ทั้งในด้านการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ทั้งในด้านการผลักดันวาระของประชาชนผ่านกลไกต่าง ๆ ของสภาฯ รวมทั้งการทำงานกับประชาชนนอกสภาฯ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมร่วมกันอย่างไม่ท้อถอย
แม้ในวันนี้ ผู้มีอำนาจจะพยายามทำให้อำนาจของประชาชนไม่มีความหมาย แต่พรรคก้าวไกล ยังยืนอยู่ข้างประชาชนอย่างมั่นคง ด้วยความเชื่อมั่นว่า พลังของพี่น้องประชาชนจะสามารถสร้างอนาคตแบบใหม่ ให้แก่สังคมไทยได้ในที่สุด
ส.ส.ก้าวไกลวูบหมดสติกลางสภาฯระหว่างโหวตนายกฯ รีบนำส่ง ร.พ.
ที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้เกิดเหตุอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคก้าวไกล อายุ 44 ปี หมดสติกลางห้องประชุม ทำให้ทีมกู้ชีพต้องเข้าไปปั้มหัวใจระยะเวลาหนึ่งก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของการหมดสติ
ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนงดเผยแพร่ภาพการกู้ชีพ เพื่อรักษาสิทธิของผู้ป่วย จากนั้นนายพรเพชรจึงได้ย้ำว่า ขอความร่วมมือสื่อมวลชนงดเผยแพร่ภาพ พร้อมเชิญช่างภาพ สื่อมวลชน ออกจากห้องประชุมชั่วคราว เมื่อนำตัวนายอานุภาพส่งโรงพยาบาลแล้วจึงได้ดำเนินการโหวตเลือกนายกฯ ต่อ
“ราชทัณฑ์” รับตัวทักษิณเข้าคุก ชี้มี 4 โรคประจำตัวต้องดูแลใกล้ชิด
กรมราชทัณฑ์ แถลงรายละเอียดขั้นตอนการรับตัวนายทักษิณ ชินวัตร เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังจากรับตัวนายทักษิณ เสร็จสิ้นแล้ว และทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตั้งแต่การไปรับตัวที่สนามบินจนส่งตัวเข้าเรือนจำ
โดยได้รับการรายงานว่าทักษิณมี 4 โรคประจำตัวได้แก่ โรคหัวใจ โรคปอด มีประวัติเป็นปอดอักเสบรุนแรงจากภาวะโควิด ความดันโลหิตสูง อยู่ระห่วางการควบคุม และรักษาโดยการรับประทานยาติต ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมในหลายระดับส่งผลให้มีอาการปวดเรื้อรัง การเดิน และทรงตัวที่ผิดปกติ
อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ดำเนินการ 3 ประการ คือ
- ดูแลเรื่องความปลอดภัยของนายทักษิณ เป็นหลัก ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ อาหาร และการเข้าเยี่ยม
- ทักษิณอาจมีคนเข้าเยี่ยมจำนวนมาก เรือนจำจึงจัดสถานที่ให้เข้าเยี่ยมเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
- ทักษิณมีอายุมาก จึงต้องดูเรื่องสุขภาพอนามัยเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ การรับตัวนายทักษิณ ดำเนินการตามมาตรการรับตัวคนเข้าใหม่ โดยจัดทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพ โดยแพทย์ของ รพ.ราชทัณฑ์ พบว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง และมีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวัง และรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยต้องตรวจติดตามโดยแพทย์เฉพาะทาง
ขณะนี้ได้แยกคุมขังนายทักษิณ ไว้ที่แดน 7 เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อความปลอดภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง
“วิษณุ” รุดเข้าเรือนจำ มอบแนวปฏิบัติหลังรับตัว “ทักษิณ” เข้าคุมขัง ปัดไปอำนวยความสะดวกให้อดีตนายกฯ
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหลังจากเข้าไปพบกับผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า เพื่อมอบแนวทางการปฏิบัติหลังจากรับตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คุมขังในเรือนจำเป็นวันแรก
วันนี้ตนเข้าไปในเรือนจำในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พบมีโรคประจำตัวที่ต้องรักษา 4 โรคตามที่แพทย์ได้แถลงไป ที่ผ่านมาไม่ทราบว่านายทักษิณป่วยเป็นโรคโควิด-19 และลุกลามลงปอดจนป่วยเรื้อรัง แต่เท่าที่ทราบมาก็พบว่ามีอาการดีขึ้น วันนี้ก็ไม่ได้ย้ำหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ
ส่วนอาการป่วยที่กำลังรักษาอยู่นั้น ก็มีประวัติการรักษาจากประเทศสิงคโปร์ และเป็นภาษาอังกฤษ จึงต้องใช้เวลาในการแปลเอกสาร
ส่วนจะส่งตัวออกไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์ไม่ต้องขอความเห็นจากกระทรวงยุติธรรม เพราะแพทย์มีความสามารถในการวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยอยู่แล้ว
ส่วนการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษนั้น ผู้ต้องขังต้องยื่นเรื่องผ่านพัสดีเรือนจำก่อนจะส่งไปกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ก่อนส่งให้นายกรัฐมนตรี และสำนักองคมนตรี ซึ่งจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งผู้ต้องขังสามารถยื่นเรื่องได้ทันทีที่ได้รับโทษจำคุกยืนยันว่ากระบวนการนี้ไม่มีการช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวกให้กับทักษิณ
