“ชลน่าน” ยันเพื่อไทยไม่ปล่อยมือ “ก้าวไกล” เตรียมถกชื่อนายกฯรอบ 3
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถึงทิศทาง ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ว่า เมื่อ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา เราไม่สามารถเสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบได้ โดยมีผลการวินิจฉัยว่าเป็นญัตติซ้ำ จึงถูกตีตกไป เหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะคำวินิจฉัยของรัฐสภาเป็นการผูกมัดการใช้ข้อบังคับของตนเอง แต่ข้อบังคับนี้เป็นข้อบังคับเฉพาะ ในรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เท่านั้น ถ้าเราเปลี่ยนไปใช้ข้อบังคับนี้กับรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ผลผูกพันก็จะลดลงไป
ดังนั้นการเดินหน้าของ 8 พรรค ก็ต้องเป็นไปตาม MOU ที่ทำร่วมกันโดยให้สิทธิ์แกนนำคือพรรคก้าวไกลเป็นผู้เริ่มในทุกกระบวนการ ดังนั้นการพูดคุยต่อจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลเป็นผู้นัดหมายยันว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ปล่อยมือจากพรรคก้าวไกลขณะนี้ยังอยู่ด้วยกัน
ส่วนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ในการโหวตครั้งที่ 3 จะเป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเลยหรือไม่นั้น ให้ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกันที่จะเกิดขึ้นยังไม่สามารถที่จะฟันธงได้ เมื่อรัฐสภามีมติว่าจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ หากวินิจฉัยว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็น ไปตามข้อบังคับที่ 41 ซึ่งก็ยังสามารถใช้ข้อบังคับที่ 41 ในตัวเองได้ เพราะยังมีวรรคท้ายอยู่ ที่ระบุว่า กรณีที่การเปลี่ยนแปลงไปยังสามารถเสนอได้ เช่น การเสนอชื่อของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นมาใหม่ และมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกขึ้นมาด้วย
สำหรับการวินิจฉัยข้อบังคับที่ 41 มีคน ไม่พอใจในการทำหน้าที่ของวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา น.พ.ชลน่าน ไม่มีใครพอใจ ตนเองก็ไม่พอใจที่มีการวินิจฉัยออกมาแบบนี้ ตนพยายามหาทางออกให้ เมื่อผลออกมาเช่นนี้ก็ต้องยอมรับไม่มีใครพอใจ
“ณัฐวุฒิ”แจงสภาฯชี้คุณสมับัติ “พิธา” ยังเป็นแคนดิเนตนายกฯได้
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (20 ก.ค.) ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ ถึงคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สั่งให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีที่ถูกตรวจสอบว่าขาดคุณสมบัติ กรณีถือครองหุ้นสื่อหรือไม่ ทำให้ ขณะนี้มีส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ จำนวน 499 คน
ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกหารือต่อที่ประชุมว่าพิธาประกาศต่อที่ประชุมรัฐสภา เมื่อ19 ก.ค. ว่า รับทราบ แต่ไม่ยอมรับ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่อ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น ถือว่าไม่มีผลกระทบต่อการถูกเสนอชื่อฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล ดังนั้นพิธา จึงมีสถานะครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการ ดังนั้นจึงมีโอกาส มีสิทธิ ถูกเสนอชื่อให้ต่อสู้ฐานะแคนดิเดตนายกฯ และลงมติเห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกฯ ได้ ข้อบังคับการประชุมข้อ 41 วรรคท้าย กำหนดให้ ประธานรัฐสภาพิจารณาต่อได้ หากมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นขอยืนยันความสมบูรณ์ครบถ้วนต่อสภาฯ ว่ายพิธา สามารถเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ของประเทศไทย คนไทยทุกคนไม่เฉพาะคนที่เลือกพรรคก้าวไกลเท่านั้น
“ชวน” เผย “วันนอร์” แนะยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ถึงศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ ปมค้านชื่อ “พิธา” โหวตนายกฯรอบ 2
ชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีนักกฎหมายวิจารณ์ต่อการโหวตของรัฐสภาที่ไม่ให้เสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกลให้รัฐสภาโหวตนายกฯ รอบ2 ในกรณีที่ข้อบังคับอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ ว่า กรณีที่มีปัญหา ขอให้ไปว่ากันต่อไป
ตนทราบว่า “วันนอร์” นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้แนะให้ไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อพิจารณายื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร อย่าไปสมมติ แต่ไม่ว่าคำวินิจฉัยเป็นอย่างไร มติของรัฐสภาเกิดขึ้นแล้ว โดยในขณะนี้มติของรัฐสภาก็เป็นมติของรัฐสภาในการให้ความเห็นชอบ หากแต่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็จะผูกพันกับทุกองค์กร
“ประยุทธ์” ห่วงการเมืองวุ่น ขอประชาชนแสดงความเห็นอย่างเหมาะสม
รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองด้วยความห่วงใยพร้อมให้กำลังใจประชาชน ในฐานะรัฐบาลรักษาการที่ดูแลความสงบและความมั่นคงของประเทศ ขอให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างเหมาะสมภายใต้กฎหมาย ยึดแนวทางสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยอาจมากถึง 35 ล้านคน
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส และจากผลการลงมติโหวต ตามข้อบังคับที่ 41 ทำให้ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ส่งผลต่อความรู้สึก สร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนส่วนหนึ่ง
นายกรัฐมนตรี เข้าใจความรู้สึกประชาชนที่สนับสนุน แต่ขอให้แสดงความคิดเห็น รวมถึงแสดงออกอย่างเหมาะสมภายใต้กฎหมาย ไม่ต้องการให้ความเห็นต่างกลายเป็นความขัดแย้ง บานปลายส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และวิกฤตต่างๆ จนผ่านพ้นไปได้อย่างดี ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ว่า มีโอกาสเติบโต3-4% โดยเฉพาะครึ่งหลังของปีคาดว่า จะขยายตัวได้ถึง 4.2%
ทั้งนี้นายกฯเชื่อมั่นการได้มาซึ่งหัวหน้าฝ่ายบริหาร ผ่านกระบวนการรัฐสภาทั้ง สส.และ สว. ที่อีกไม่นานก็คงจะได้ข้อยุติในการเลือกนายกรัฐมนตรี ทุกฝ่ายต่างทำงานเพี่อประเทศไทยเดินหน้าต่อในแนวทางประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ดังนั้น การแสดงความคิดเห็นและกิจกรรมทางการเมืองภาคประชาชน ต้องยึดแนวทางสันติภายใต้กฎหมาย ไม่สร้างสถานการณ์หรีอใช้ความรุนแรง ทำลายบรรยากาศทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศที่กำลังเดินหน้าไปอย่างดี
ตำรวจร้องศาลยกเลิกปล่อยตัวชั่วคราว “ทนายอานนท์” หลังเป็นแกนนำประท้วงผิดเงื่อนไขปล่อยตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ได้ทำหนังสือเพื่อขอให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 พิจารณาเพิกถอนการประกันตัวของ “อานนท์ นำภา” นักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยสาระสำคัญระบุว่าการรายงานการสืบสวน กรณีที่ นายอานนท์ ประกาศนัดชุมนุม เมื่อวันที่ 12 ก.ค. เวลา 14.00 น. สกายวอร์ค หอศิลป์ กทม. ปมหุ้นสื่อไอทีวี นอจากนี้ยังเป็นแกนนำจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ เอาใบลาออกไปยื่นให้ สว.
ทั้งนี้ตามคดีที่อ้างให้อานนท์ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จากศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยอยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี และมีเงื่อนไข เช่น ห้ามจำเลยกระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์-ศาล ห้ามขัดขวางกระบนนการพิจารณาดดีของศาล ห้ามโพสต์ข้อความที่เป็นการปลุกปั่นให้มวลชนเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมในสื่อโซเชียล หรือเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย ห้ามออกนอกเคหสถานในยามวิกาล เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้จำเลยมารายงานหัวต่อศาลทุกๆ 30 วัน
ห้ามจำเลยพูด หรือ ยุยงหรือส่งเสริม ให้มีการกระทำใด ๆ อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันศาล ห้ามยุยง ส่งเสริมให้เกิดความไม่สงบของบ้านเมือง ห้ามจำเลยขัดขวางหรือกระทำการใดๆ ให้การดำเนินดี ในศาลนี้เป็นไปด้วยความล่าช้า โดยสน.ปทุมวัน จึงขอให้พิจารณาข้อเท็จจริงตามเอกสารที่แนบมาด้วย และเงื่อนไขดังกล่าว เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลให้ยกเลิกการปล่อยตัวชั่วคราวของนายอานนท์ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
