“รัฐสภา” ลงมติข้างมาก ไม่เห็นชอบ เสนอชื่อ “พิธา” โหวตเป็นนายกฯ รอบ2
การประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมาวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ซึ่งมีผู้เสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพียงชื่อเดียว ให้รัฐสภาพิจารณา และมีส.ส.รับรอง 299 คนครบตามจำนวนที่กำหนด
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมมีผู้คัดค้านการเสนอชื่อพิธาซ้ำโดยอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอประเด็นให้พิจารณาเพื่อโต้แย้งการเสนอชื่อคนเดิมให้รัฐสภาโหวตนายกฯ รอบสอง เพราะมองว่าการชื่อพิธานั้นเข้าข่ายเป็นญัตติที่รัฐสภาตีตกไปแล้ว หลังจากการประชุมรัฐสภา เมื่อ 13 กรกฎาคม นั้นพิธาไม่ได้เสียงเห็นชอบให้เป็นนายกฯ ดังนั้นกรณีเสนอชื่ออีกครั้ง ถือว่าขัดกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41
ทั้งนี้ที่ประชุมได้ใช้เวลาถกเถียงและอภิปรายในเหตุผลที่สนับสนุนความเห็นของฝั่งตนเอง ซึ่งใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมง และเมื่อเวลา 16.55 น.ก่อนที่วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ขอให้ที่ประชุมลงมติ ว่าการเสนอชื่อพิธาให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ อีกรอบขัดกับข้อบังคับการประชุมข้อ41 หรือไม่ โดยผลการลงมติ พบว่า เสียงข้างมาก 395 เสียง ต่อ 317 เสียง งดออกเสียง 8 เสียงไม่ลงคะแนน1 คือไม่สามารถเสนอชื่อพิธาซ้ำได้ในสมัยประชุมนี้ตามข้อบังคับข้อ 41 ในการประชุมรัฐสภา
ประธานสภา นัดประชุมโหวตนายกฯรอบใหม่ 27 ก.ค. หวังได้นายกฯคนใหม่
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาโหวตนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2 ว่า จะมีในวันที่ 27 ก.ค.นี้ เวลา 09.30 น. โดยเป็นการดำเนินการไปตามกฎหมาย เมื่อเข้าสู่ระเบียบวาระก็จะมีการเสนอชื่อบุคคลที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมือง จากนั้นก็จะเปิดอภิปรายถึงเรื่องคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อ
หากไม่มีปัญหาก็จะเดินหน้าโหวตตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีการเสนอรายชื่อกี่คน แต่ก็ต้องยึดตัวเลขคนที่ได้เกิน 374 เสียง ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนกรอบเวลาในการอภิปรายยังไม่มีกำหนด อาจจะต้องมีการพูดคุยกับวิปทั้ง 3 ฝ่ายอีกครั้ง แต่เบื้องต้น จะให้อภิปรายเสร็จก่อน 17.00 น. จากนั้นก็จะเดินหน้าโหวตโดยใช้วิธีเดิมแบบเปิดเผยแล้วก็ขานชื่อ
เมื่อถามว่า ในวันที่ 27 ก.ค.นี้การโหวตนายกจะเสร็จสิ้นเลยหรือไม่ ประธานรัฐสภากล่าวว่าไม่ทราบ แต่ประชาชนก็อยากให้เสร็จสิ้นและได้นายกรัฐมนตรีโดยเร็ว ส่วนกรณีคำถามว่าหากมีญัตติเปลี่ยนมีการเสนอชื่อบุคคลอื่นและเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดต พรรคก้าวไกลด้วยได้หรือไม่ วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ตามข้อบังคับที่ 41 ที่มีการลงมติไปแล้วในสมัยประชุมนี้ จะเสนอชื่อพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้อีกแล้ว
“สุริยะ”เผยผู้บริหารเพื่อไทยเล็งถก 8 พรรคร่วมหลัง “พิธา” วืดเก้าอี้นายกฯ
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบการเสนอรายชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ในส่วนของพรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อเศรษฐา ครั้งหน้าหรือไม่ ว่าเรื่องนี้ผู้บริหารพรรคจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งเท่าที่ตนทราบก็ต้องมีการพูดคุยกับพรรคร่วมว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขณะนี้ทางผู้บริหารพรรคต้องไปพูดคุยกับวุฒิสมาชิก (สว.)เพราะสว.ยืนการว่าถ้ามีพรรคก้าวไกลจะไม่โหวตให้ ซึ่งผู้บริหารพรรคเพื่อไทยจะต้องกำหนดท่าทีและพูดคุยกับ 8 พรรคร่วม ว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่าเมื่อที่ประชุมเห็นว่าการเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีถือเป็นญัตติไม่สามารถเสนอซ้ำได้ จะส่งผลต่อการเสนอชื่อแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ สุริยะกล่าวว่าเมื่อมีการลงมติไปในลักษณะนั้นแล้ว ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยก็พยายามบอกว่ามันไม่น่าเป็นญัตติซ้ำ แต่เมื่อโหวตมาแล้วทาง พรรคเพื่อไทยก็กังวลว่าจะเป็นบรรทัดฐานต่อไป แล้วจะทำให้โหวตไม่ได้ แล้วมองว่าครั้งต่อไปก็จะเป็นบรรทัดฐานเช่นนี้ อย่างไรก็ดีตนยืนยันว่าชื่อของนายพิธาไม่ได้เสียสิทธิต่อการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ แต่ต้องเกิดขึ้นในสมัยประชุมครั้งถัดไป
“บวรศักดิ์” แนะส่งเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดิน ปมสภาฯโหวตปิดสวิสต์ “พิธา”
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงผลการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีมติไม่เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี รอบ 2 ว่า เอาข้อบังคับการประชุมมาทำให้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเป็นง่อย
ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญกำหนดการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้เป็นการเฉพาะแล้ว น่าสงสารประเทศไทย ผิดหวังสส. คนที่ไปร่วมลงมติห้ามเสนอชื่อคนเดิมซ้ำในเรื่องนี้แม้คุณจะอยู่ฝ่ายค้าน
คุณก็ควรรู้ว่าเมื่อไหร่ต้องทิ้งความเป็นฝ่ายค้าน ทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่การตีความของรัฐสภาไม่เป็นที่สุด คนที่คิดว่าสิทธิของตนถูกกระทบ ไปยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้ ว่ามติรัฐสภา ซึ่งเป็นการกระทำทางนิติบัญญัติขัดรัฐธรรมนูญได้ตาม มาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ ถ้าผู้ตรวจการไม่ส่งศาล ผู้นั้นยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ตนจะรอดูคำร้องว่าการกระทำของรัฐสภาขัดรัฐธรรมนูญ และจะดูว่าศาลรัฐธรรมนูญว่ายังไง สอนรัฐธรรมนูญมา 30 กว่าปีต้องทบทวนแล้วว่าจะสอนต่อไหม
ม็อบหนุน “พิธา” ชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแสดงออกไม่พอใจมติสภา-ศาลรธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการประชุมสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่มีมติไม่ให้เสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯรอบ 2 ทำให้มีการชุมนุมประท้วงในบางพื้นที่ของกลุ่มที่ไม่พอใจ และกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล
โดยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พบว่ามีผู้ชุมนุมทยอยเดินทางเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าร่วมชุมนุมตามที่ได้นัดหมาย โดยบางส่วนเดินทางมาจากรัฐสภา ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมนุมก่อนหน้านี้ โดยตั้งแต่ช่วงเย็นเริ่มมีกลุ่มมวลชนมารวมตัวกัน พร้อมตั้งแผงขายของสินค้าสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ด้านหน้าแมคโดนัลด์
ธัชพงศ์ แกดำ ผู้ประสานงานกลุ่ม respect my vote ระบุว่า การชุมนุมในวันนี้ได้จดแจ้งตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ กับทางตำรวจ สน.ชนะสงคราม ถูกต้องตามกฎหมาย โดยขอไว้ตั้งแต่เวลา 17.00 น. จนถึงเวลาไม่เกิน 22.00 น. มุ่งเน้นการปราศรัยเนื้อหาโจมตีที่ไม่เห็นด้วยกับการโหวตลงมตินายกรัฐมนตรีของ สว.ที่สวนทางกับคะแนนเสียงของประชาชน ซึ่งมองว่าเป็นการไม่เคารพเสียงของประชาชนและบ่อนทำลายประชาธิปไตย โดยกิจกรรมการชุมนุมในวันนี้จะเป็นการแสดงพลังของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับวุฒิสมาชิกและศาลรัฐธรรมนูญ
โดยมีการเผาดอกไม้จันและรายชื่อสว.ที่ไม่โหวตให้พิธา พร้อมทั้งชื่อของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากที่ลงมติให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่ในโลกโซเชียลมีการแสดงความคิดเห็น พร้อมติดแฮชแท็ก #ม็อบ19กรกฎา66
นอกจากนี้กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้มีการโพสต์เชิญชวนให้มาร่วมชุมนุม ฌาปนกิจ ส.ว. ผู้ไม่เคารพเจตจำนงของประชาชน โดยประชาชนบางส่วนที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ได้ชูป้ายสนับสนุนพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
