“ก้าวไกล” ยื่นสภาฯแก้รธน.มาตรา 272 ปิดสวิซต์ “ส.ว.”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบเลือกพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯด้วยมติ เห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง ซึ่งได้รับเสียงเห็นชอบน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิก 2 สภาคือ375เสียงจาก750เสียง
โดยมีการพุ่งเป้าไปที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ที่ให้ความเห็นชอบเพียง13 คน โดยพรรคก้าวไกลได้ตัดสินใจจะใช้กระบวนการทางกฎหมายในการปิดสวิสต์ ส.ว.โดยในเวลา 15.00 น.พรรคได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ที่อาคารรัฐสภา ขณะที่การลงมติเลือกนายกฯรอบสองคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่19ก.ค.นี้
“เศรษฐา” ชี้ชงชื่อ “พิธา” รอบสองต้องคุยกันก่อน-ชี้เสียงโหวตต่ำไป
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลโหวตนายกฯเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) ว่าเรื่องผลโหวตนั้นตนมีความไม่สบายใจเพราะคิดว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ฉะนั้นจึงขอเข้าร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ก่อน ทราบ ต้องรอดูก่อน เพราะคะแนนรอบแรกออกมาต่ำไปหน่อย และตนต้องขอปรึกษาผู้บริหารพรรคก่อนว่าคิดอย่างไร
ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมกัน น่าจะมีความชัดเจนขึ้น เมื่อถามว่า หากมีการปิดสวิตซ์ ส.ว. มองว่าการโหวตจะราบลื่นหรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้มีการคุยกันนานมาก คำว่าปิดสวิตซ์ฟังแล้วก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เรื่องนี้คงเกิดขึ้นลำบาก เพราะมีการโหวตไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามต้องฟังความเห็นทั้ง 8 พรรคร่วมก่อนว่าคิดอย่างไรบ้าง ตนก็มีความรู้สึกกังวลใจ เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ที่การโหวตรอบ 2 อาจมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นมาแข่ง เศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบ ว่าจะมีการเสนอชื่อตรงนี้หรือไม่ แต่หากดูตามคณิตศาสตร์ดูแล้ว คิดว่าความเป็นไปได้น่าจะลำบาก เพราะพรรคนั้นมีแค่ 40 กว่าเสียงเอง
“เพื่อไทย” เร่งคุย “ก้าวไกล” เสนอชื่อนายกฯรอบ 2 หลังชื่อ “ประวิตร” มาแรง
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่าในวันนี้ (14 ก.ค.) เวลา 15.00 น. จะมีการหารือกับพรรคก้าวไกลว ทั้งสองพรรคได้นัดหมายพูดคุยถึงแนวทางเกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะพูดคุยกันภายในก่อน เพื่อนำข้อเสนอของพรรคไปหารือกับก้าวไกลอีกครั้ง เมื่อถามว่าการโหวตรอบ 2 มีกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแข่ง กังวลหรือไม่ ประเสริฐกล่าวว่า จริงๆ เป็นเรื่องที่ 8 พรรคร่วมต้องนำมาประเมินร่วมกัน เพราะขณะนี้ทราบว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่ในการที่จะรวบรวมเสียง ฉะนั้น เรื่องนี้เราประมาทไม่ได้ เพราะเป็นประเด็นที่สามารถเกิดขึ้นได้และจะต้องมีการพูดคุยกันหลังจากที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยได้มีการพูดคุยกันแล้ว รวมถึงต้องมีการนำไปหารือต่อพรรคร่วมทั้ง 8 พรรคต่อไป
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลเตรียมยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าวนั้น ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้ยื่นการแก้ไขในมาตรานี้มา 2 ครั้งแล้ว และไม่ผ่านการพิจารณาของสภา ดังนั้นการที่พรรคก้าวไกลได้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา เข้าใจว่าเป็นการทลายกำแพง โดยเฉพาะประเด็นการโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ เพราะ ส.ว. ได้ตั้งกำแพงเรื่องมาตรา 112 เอาไว้ ทางก้าวไกลจึงอยากจะหยิบยกประเด็นนี้เพื่อที่จะให้การโหวตเลือกนายกเป็นเรื่องเฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
“ส.ว.ประพันธุ์” ชี้เสนอชื่อ “พิธา” เป็นนายกฯรอบ 2 ไม่ได้
ประพันธุ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้ความเห็นต่อกรณีการโหวตนายกฯรอบสองว่าความเป็นไปได้ที่จะเสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฐานะแคนดิเดตนายกฯ อีกครั้งว่า กรณีชื่อของพิธานั้นจบแล้ว เพราะได้เสียงเห็นชอบเป็นนายกฯ ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกของสองสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 จึงทำให้ญัตติดังกล่าว เป็นอันตกไป
ดังนั้นกรณีจะเสนอชื่อนายพิธา ให้โหวตอีกครั้งนั้น ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาถือว่าทำไม่ได้ เพราะญัตติตกไป ถือว่าจบแล้ว ประพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 กำหนดว่าญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติที่มีหลักการเดียวกันเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ไม่มีการลงมติหรือประธานสภาอนุญาต เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นหากจะนำญัตติเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ กลับมาอีกในสมัยประชุมปัจจุบัน ต้องมีเหตุเปลี่ยนแปลงตามมาตรา 272 วรรคสองเท่านั้น
โดยตามหลักการหากโหวตครั้งแรกไม่สามารถได้บุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ว่าด้วยเหตุใด ประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจที่จะเปิดให้มีการลงคะแนนใหม่เองได้ ต้องให้สมาชิกรัฐสภารวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาตามมาตรา 272 วรรคสอง เท่านั้น และต้องได้เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกสองสภา หรือ 500 เสียง จึงจะทำให้พิธา ฐานะผู้ที่เคยได้รับการเสนอชื่อให้โหวตเป็นายกฯ กลับมาเสนอได้อีก หากดำเนินการใดๆนอกจากแนวทางนี้ ย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
“ประยุทธ์” เตรียมลาทำเนียบฯเก็บของเกือบหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากทำเนียบรัฐบาลว่าวันนี้ (14 ก.ค.) ภายหลังประกาศวางมือทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เก็บของใช้ส่วนตัวบนห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าไปหมดแล้ว
โดยเป็นการทยอยเก็บตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา เหลือเพียงของที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน และช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เก็บหนังสือต่างๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชอบอ่าน ใส่ลังเตรียมขนกลับประมาณ 4 – 5 ลัง ขณะที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้สั่งเจ้าหน้าที่เก็บของซึ่งมีไม่มาก เช่น หนังสือ ของตกแต่งแล้ว และส่วนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรี มีเพียงห้องของคณะทำงาน 2 ห้อง ที่ทยอยเก็บของ เพราะมีเอกสาร หนังสือ และของใช้ส่วนตัว
โดยการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ และครม.รักษาการจะหมดวาระลงเมื่อ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ หลังจากได้รับการเลือกจากรัฐสภา
