“พิธา” ไม่ยอมแพ้ เตรียมวางยุทธศาสตร์ โหวตนายกฯรอบ 2 ไม่ลดเพดานแก้ ม.112
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังผลที่ประชุมรัฐสภามีมติเสียงข้างมากไม่เห็นชอบให้เป็นนายกฯ ว่า ผลมติที่เกิดขึ้นเรายอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้ ซึ่งยอมรับว่าคะแนนยังไม่ถึง 376 เสียง และต้องยอมรับว่ามีการกดดันภายในสภาฯ กันเยอะ รวมถึงมีผู้ที่ไม่เข้าร่วมการประชุมกว่า 40 คน ซึ่งผลที่ออกมาจึงไม่ตรงตามที่เราได้คาดการณ์ไว้ ย้ำว่าเฃไม่ยอมแพ้ และจะใช้เวลาที่เหลืออยู่วางยุทธศาสตร์รวบรวมเสียงในการโหวตครั้งต่อไป
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลยังจะจับมือกันต่อใช่หรือไม่พิธา กล่าวว่า ผลโหวตที่ออกมาเป็นอย่างนั้นเราก็ยังทำงานร่วมกันได้ เรายังทำงานด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกัน และพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยก็จะจับมือกัน ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลจะยอมถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่เขากล่าวว่า เรายังเหมือนเดิม เราสัญญากับประชาชนไว้อย่างไร ก็จะทำอย่างนั้น ซึ่งวันนี้ก็เป็นนิมิตหมายที่ได้มีโอกาสอธิบายในสภาฯ ว่าสิ่งที่เรานำเสนอจะเดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ทางส.ว.และ ส.ส. ที่ยังเข้าใจไม่ตรงกันเราก็ได้มีโอกาสชี้แจงเยอะ รวมถึงสมาชิกพรรคก้าวไกลหลายคนก็ช่วยกันชี้แจงด้วย ซึ่งต่อไปนี้จะมุ่งหน้าไปสู่การลงมติโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่สองโดยจะต้องวางยุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียงใหม่
อย่างไรก็ตามขอบคุณส.ว.ทั้ง 13 ท่าน ที่ได้ลงมติตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน
เปิดรายชื่อ 13 ส.ว.โหวตหนุน “พิธา” นั่งนายกฯ
ผลโหวตนายกฯเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาซึ่งมีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ผลโหวตนายกฯ เห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 และ งดออกเสียง 199 เสียง
โดยการ โหวตนายกฯ ในครั้งนี้ มี “ส.ว.” ลงชื่อร่วมประชุม เพียง 216 คน จากจำนวนที่มีทั้งหมด 249 คน ขณะที่ ส.ส. มีผู้ร่วมลงชื่อเข้าประชุม 499 คนจากจำนวนทั้งสิ้น 500 คน
ผลโหวตนายกฯ มี “ส.ว.” โหวตเห็นชอบให้ “พิธา” มีจำนวน 13 คน ประกอบด้วย
ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์
นายจรุงวิทย์ ภูมมา
นายเฉลา พวงมาลัย
ซากีย์ พิทักษ์คุมพล
พล.ต.ท.ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง
พิศาล มาณวพัฒน์
พีรศักดิ์ พอจิต
มณเฑียร บุญตัน
วันชัย สอนศิริ
วุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์
สุรเดช จิรัฐิติเจริญ
อำพล จินดาวัฒนะ และ 13.ประภาศรี สุฉันทบุตร
“ปิยะบุตร” เตรียมอภิปรายนอกสภาฯ โต้ประเด็นก้าวไกลถูกใส่ร้ายในสภาฯ
ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ภาพกราฟฟิกพร้อมข้อความถึงการอภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ว่า อภิปรายนอกสภา โต้ ชาดา ไทยเศรษฐ์, คำนูณ สิทธิสมาน และสมชาย แสวงการ
ในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีมีสมาชิกรัฐสภาหลายคน โดยจำเพาะเจาะจง ก็เช่น ชาดา ไทยเศรษฐ์, คำนูณ สิทธิสมาน, สมชาย แสวงการ ได้อภิปรายประเด็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พระราชอำนาจและพระราชสถานะของกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย และศาลอาญาระหว่างประเทศ
ตนติดตามการประชุมตลอดทั้งวัน เห็นว่าหลายท่านเข้าใจเรื่องเหล่านี้ผิด ราวกับเอาวิธีคิดแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาอธิบาย จนอาจส่งผลให้สังคมเข้าใจเนื้อหาสาระและหลักการในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขผิดเพี้ยนไป
ตนจะขออภิปรายโต้แย้งติดตามได้ ทางเพจของตน ในวันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566 เวลา 12.00 น.
ม็อบหนุน “ก้าวไกล” นัดชุมนุมหอศิลป์ 6 โมงเย็นวันนี้ ลั่นสู้ไม่ถอย
ม็อบหนุน พรรคก้าวไกล นัดชุมนุมหน้าหอศิลป์ 14 ก.ค. บอกถ้าไม่สู้วันนี้ ก็จะไม่มีพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เข้าไปทำหน้าที่ในสภา
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 13 ก.ค. ภายหลังการโหวตนายกฯแล้วพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯยังไม่ได้เป็นนายกฯเนื่องจากเสียงยังไม่พอ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่เวทีมวลชนสนับสนุนพรรคก้าวไกล ตั้งอยู่ในศูนย์ราชการ กทม. ว่า ยังคงมีการปราศรัยจากนักเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ เพื่อโจมตีกลุ่ม ส.ว. ที่ไม่โหวตเลือกนายพิธา เป็นนายกฯ
นอกจากนี้ยังมี อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทางมาพบปะกับกลุ่มมวลชนด้วย ขณะเดียวกันที่บริเวณสี่แยกเกียกกาย มุ่งหน้าแยกบางโพ มวลชนสนับสนุนพรรคก้าวไกล ทยอยเดินทางออกเป็นจำนวนมาก
ที่เวทีปราศรัยของมวลชนก็เป็นไปด้วยความดุเดือด ธนพร วิจันทร์ ขึ้นกล่าวปราศรัย เชิญชวนมวลชนสนับสนุนพรรคก้าวไกลร่วมกันชูสัญลักษณ์ให้กับ ส.ว. ที่ไม่ฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ทั้งระบุด้วยว่า หลังจากนี้จะมีการยกระดับการต่อสู้ของประชาชน และจะออกมาชุมนุมกันทุกวันแน่
ต่อมาเวลา 19.20 น. นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรงค์ กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และนักเคลื่อนไหวจากกลุ่มต่างๆ ที่มาร่วมได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดย นายโสภณ ประกาศกับมวลชนว่า ถ้าไม่สู้วันนี้ ก็จะไม่มีพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยใดเข้าไปสภา อนาคตประชาชนไม่มี ขอให้ทุกคนร่วมกันสู้ ร่วมกันลงถนน 14 ก.ค. พบกัน 18.00 น. ที่หน้าหอศิลป์ ออกมาแสดงพลังร่วมกัน อย่าให้ใครอ้างเงื่อนไข นี่คือยุคสมัยของประชาธิปไตยและของประชาชน.
“ธนกร’ ชี้สมการเปลี่ยน หากเพื่อไทยส่งชื่อนายกฯ แต่มีก้าวไกลร่วม รทสช.ไม่โหวตให้
ธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าเสียงที่ออกมาก็เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้
หลังจากนี้ประธานสภาก็คงจะมีการนัดประชุม แต่สิ่งที่ต้องดูคือข้อกฎหมายว่าจะเสนอชื่อคนเดิมได้หรือไม่ เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อญัตติตกไปแล้วอาจจะเสนอคนเดิมไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง เพราะถือว่าสมการเปลี่ยนไปแล้ว ต้องคุยกันว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร แต่ถึงอย่างไรเราก็ยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ยอมรับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ
เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะส่งชื่อแข่งหรือไม่ ธนกรกล่าวว่า เราพรรคเล็กคงไม่ส่งแข่ง
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคก้าวไกลลดเพดานลง เราจะเปลี่ยนท่าทีหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เขาคงไม่ลดหรอก เขาเดินมาไกลแล้ว เช่นเดียวกับเราที่เดินมาไกลเหมือนกัน ดังนั้นเราก็ต้องยืนยันหลักการของเรา
เมื่อถามว่า ถ้าเปลี่ยนให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะเปลี่ยนท่าทีหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ต้องคุยกันในพรรคอีกครั้ง แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยยังรวมกับพรรคก้าวไกลก็คงไม่สามารถโหวตให้ได้ เพราะยังคงมีพรรคที่จะแก้มาตรา 112 อยู่ เราคงไม่โหวตให้เหมือนเดิม อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากมีการโหวตในวันที่ 19 ก.ค. จำนวนเสียงที่ไม่เห็นด้วยก็ยังเหมือนเดิม
