“เพื่อไทย” นัด “ภูมิใจไทย” เตรียมแถลงจัดตั้งรัฐบาลวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพรรคเพื่อไทยได้แจ้งกำหนดการแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยในเวลา 16.30 น. จะมีการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลโดย 2 พรรคร่วม เพื่อไทย และภูมิใจไทย
ก่อนหน้านี้นพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเห็นชอบแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยในการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไปว่า น่าจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย ต้องให้เวลาตัวแทนพรรคที่ไปเจรจาหาเสียงตั้งรัฐบาล การล่าช้าออกไปไม่กี่วันคงไม่กระทบโรดแมปในการตั้งรัฐบาลเข้ามาขับเคลื่อนประเทศ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ขณะนี้สื่อ และนักวิเคราะห์ถกเถียงกันว่าใครจะเป็นนายกฯ จะพลิกขั้วไหม แต่ที่พรรคเพื่อไทยกังวลคือ ปัญหาปากท้อง ราคาพลังงานสูงขึ้น รายได้ประชาชนหดหาย หนี้สินครัวเรือน ยาเสพติดระบาด ปัญหาภัยแล้งเอลนีโญ ปัญหาไทยเสียโอกาสในเวทีโลก เด็กหลุดจากระบบการศึกษา การจัดทำงบประมาณประเทศ เป็นต้น
“ก้าวไกล” พร้อมอ้าแขนรับ “เพื่อไทย” กลับมาร่วมจับตั้งรัฐบาล
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสต้องการให้พรรคเพื่อไทย (พท.) กลับมาจับมือกับพรรค ก้าวไกลเพื่อมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มองว่ามีโอกาสมากน้อยเพียงใดว่า อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยแต่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ตอนนี้เราเตรียมพร้อมทำงานไม่ว่าจะในบทบาทใด
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่เหมือนพรรคก้าวไกลถูกผลักออกมาเป็นฝ่ายค้าน ชัยธวัช กล่าวว่ามันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นห่วงว่าสถานการณ์ในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ราบรื่น เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ที่เคยคิดว่าอาจจะได้ก็อาจจะมีปัญหาเท่าที่ที่ติดตามในกระแสข่าว ส่วนความกังวลในการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะพลิกขั้วแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วนั้น คิดว่าไม่ใช่เฉพาะพรรค ก้าวไกลที่กังวล แต่ประชาชนก็ไม่อยากเห็นการพลิกขั้วรัฐบาลที่นายกฯมาจากขั้วอำนาจเก่า
เมื่อถามว่า หลังจากที่มีการพูดคุยกับพรรค พท.ครั้งล่าสุดคือช่วงพรรค พท.แถลงขอถอนตัวออกจาก 8 พรรคร่วม จนถึงขณะนี้ยังมีการติดต่อกันอยู่หรือไม่ ชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน
เมื่อถามว่า หากมีโอกาสที่จะกลับไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยจริงๆ หลักการในการกลับไปจับมืออีกครั้งมีเงื่อนไขอย่างไร ชัยธวัช กล่าวว่า ต้องคุยกับกรรมการบริหารพรรค และ สส. แต่ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ คงบอกเรื่องหน้าไม่ได้ ส่วนท่าที สส.ของพรรคก้าวำกล เช่น วิโรจน์ ลักขณาอดิศร บอกว่า มีโอกาสก็จะถอยหลังกลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกลนั้น ส่วนใหญ่เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล และตอนนี้ยังไม่มีการประสานงานกับพรรคเพื่อไทยเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ ทุกอย่างก็เป็นไปได้
“เศรษฐา” มอบทนายฟ้อง “ชูวิทย์” คดีหมิ่น เรียกค่าเสียหาย 500 ล้าน
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้กล่าวถึงกรณียื่นฟ้องชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาในกรณีที่นายชูวิทย์กล่าวหาว่า บริษัท แสนสิริ โดยเศรษฐาซื้อที่ดินและมีการหลีกเลี่ยงภาษี ว่าเศรษฐา ได้มอบอำนาจให้ตนฟ้องและดำเนินคดีกับชูวิทย์ โดยมีสาระสำคัญว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 จำเลยทราบอยู่แล้วว่า ในวันที่ 4 สิงหาคม 2566 จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
โดยในวันประชุมรัฐสภาดังกล่าว คาดหมายว่าจะมีการเสนอชื่อ ในฐานะเป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ต่อที่ประชุมรัฐสภาทั้งนี้ จำเลยจัดแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนและสาธารณชน ที่ โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 โดยใช้ชื่อว่า “แฉเพื่อชาติ EP 1” ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยการป่าวประกาศ ใส่ความโจทก์ต่อหน้าสื่อมวลชวนที่ไปทำข่าว และมีการถ่ายทอดสดเผยแพร่ต่อสื่อออนไลน์ ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ ในลักษณะใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม เพื่อให้ประชาชนบุคคลทั่วไปมีความเข้าใจผิด
ตนในฐานะทนายของเศรษฐขอตั้งข้อสังเกตว่าชูวิทย์มีเจตนา พูดไม่ครบถ้วน ให้ข้อเท็จจริงในลักษณะให้เกิดความเข้าใจผิด และมีวาระซ่อนเร้นที่จะกลั่นแกล้งโจทก์หรือไม่ การใส่ความนายเศรษฐาให้ประชาชน และสมาชิกรัฐสภาเชื่อว่า เศรษฐากระทำผิดกฎหมาย และขัดธรรมาภิบาล เพื่อหวังผลทางการเมือง และไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนอย่างที่ชูวิทย์กล่าว ซึ่งทางโจทก์ได้ยื่นฟ้องพร้อมเรียกค่าเสียหายจากชูวิทย์จากการกระทำละเมิดต่อโจทก์ดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 500 ล้านบาทถ้วน พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 5% ต่อปี ของเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าตำเลยจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
“เรื่องไกร” ยื่น กมธ.การเมืองสอบ “เศรษฐา” เลี่ยงภาษีขายที่ดินหรือไม่?
วันนี้ (7ส.ค.) ที่วุฒิสภา เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือถึง คณะกรรมาธิการ (กมธ.)การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อกล่าวอ้างที่เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบให้เป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 กรณีเมื่อปี 2562 บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่เศรษฐา ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดและกรรมการแสนสิริ ได้ซื้อที่ดินย่านถนนสารสิน โดยมีพฤติกรรมเข้าข่ายเลี่ยงการเสียภาษีหรือไม่ และเข้าข่ายมีพฤติกรรมส่อว่าเป็นบุคคลที่อาจขาดคุณสมบัตินายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(4) ว่าด้วยมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่
โดย สว.ที่มารับหนังสือได้แก่ ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ฐานะรองประธานกมธ.คนที่สาม, ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี สว.และเลขานุการกมธ., นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. และกมธ. ร่วมรับยื่นหนังสือ
เรืองไกร กล่าวว่า ตนขอให้กมธ.ตรวจสอบเรื่องที่ถูกอ้างถึงเศรษฐา ก่อนที่จะมีการเสนอชื่อและโหวตให้เป็นนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้น 10 วันหลังจากนี้ โดยขอให้เรียกข้อมูลจากชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหวการเมือง, บริษัทแสนสิริ ในส่วนของแคชเชียร์เช็ค ซื้อขายที่ดิน สัญญาซื้อขาย รวมถึงรายละเอียดของการชำระภาษี เพื่อพิสูจน์ว่าหนีภาษีหรือไม่ , กรมสรรพากร รวมถึงผู้ขายทุกรายมาให้ข้อมูลเพื่อให้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ปรากฎก่อนมีการโหวตนายกฯ
“จุรินทร์” มองไม่จบง่าย โหวตนายกฯ ชี้การเมืองไทยพลิกอีกหลายตลบ
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าว่า ตนคิดว่าสถานการณ์ยังไม่นิ่ง และยังไม่มีความชัดเจน แม้ว่าในขณะนี้ต้องถือว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้แปลว่าจะมีข้อยุติแล้ว ซึ่งอาจจะยังพลิกได้อีกหลายตลบ
เพราะฉะนั้นก็ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปแต่เท่าที่ตนประเมินสถานการณ์จากทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน และประชาชนในภาพรวมทุกฝ่ายอยากเห็นการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการพลิกหลายตลบนี้ จะนำไปสู่พรรคที่สาม ที่สี่ หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนก็ไม่สามารถตอบได้ อาจจะเป็นไปได้ว่าสถานการณ์อาจจะยังไม่เป็นอย่างที่เห็นอยู่ในขณะนี้ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยด้วย เมื่อทำหน้าที่เป็นแกนในการตั้งรัฐบาลแล้วก็เป็นหน้าที่ของคนที่เป็นแกนในการที่จะต้องไปดำเนินการ
