“เศรษฐา” แจงเหตุเปลี่ยนคำสั่งกรรมการรับฟังความเห็น ร่างรธน.
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเปลี่ยนรายชื่อในคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ว่า เข้าใจว่าอย่างนั้น เพราะสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาท้วงติงมา ก็ต้องฟัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องบุคคล แต่เป็นเรื่อง ส.ส.ร่วมเป็นคณะกรรมการไม่ได้
ทั้งนี้นายกฯได้ลงนามยกเลิกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 256/2566 เรื่อง คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ลงวันที่ 3 ตุลาคม และลงนามคำสั่งนายกฯ ที่ 264/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวใหม่ จำนวน 34 คน โดยได้มีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลบางส่วนที่จะเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการ ภายหลังจากที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม
สำหรับรายชื่อบุคคลใหม่ที่จะเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการ ประกอบด้วย วุฒิสาร ตันไชย จะเข้ามาเป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ชวลิต วิชยสุทธิ์ นายเจือ ราชสีห์ และ กฤช เอื้อวงศ์ เป็นกรรมการ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับบุคคลที่ถูกปรับเปลี่ยน ประกอบด้วย ชูศักดิ์ ศิรินิล นพดล ปัทมะ ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ เดชอิศม์ ขาวทอง ธนกร วังบุญคงชนะ และ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทั้งนี้ ทั้งนี้ ในส่วนของตำแหน่งประธานรองประธาน กรรมการ เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ ยังเป็นบุคคลเดิมทึ่ได้รับแต่งตั้งไปก่อนหน้านี้
“พิธา” นำ “ก้าวไกล” รำลึกเหตุการณ์ 6 ต.ค. ดันนิรโทษกรรมการเมือง
วันนี้ (6 ต.ค.) ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตลอดจน สส.ก้าวไกลหลายคน ได้เดินทางมาร่วมงานรำลึกครบรอบ 47 ปี เหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 พร้อมวางพวงมาลาและช่อดอกไม้ไว้อาลัยให้กับผู้สูญเสียในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยก่อนพิธีการจะเริ่มต้น ทั้งสองได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนถึงประเด็นต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 และสถานการณ์ทางการเมืองทั่วไปในปัจจุบัน
โดยพิธา กล่าวว่า เหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 เป็นบทเรียนที่เราไม่ควรลืมว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 47 ปีที่แล้วเป็นความรุนแรงที่ไปไกลเกินกว่าที่ใครควรจะรับได้ ที่คนในรุ่นปัจจุบันควรต้องถอดบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมศึกษาและทำความเข้าใจจากหลักฐานที่มีมากขึ้นในวันนี้ ให้เห็นถึงมุมองที่แตกต่าง ว่ามีโครงสร้างอะไรบางอย่างที่ต้องการทำให้เราลืมเหตุการณ์ในครั้งนี้เพื่อทดแทนด้วยความว่างเปล่า หลายปีที่ผ่านมามีความพยายามสะสางประวัติศาสตร์ข้อเท็จจริงมาโดยตลอด แม้จะยังไม่มีผลสรุปว่าใครต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 47 ปีที่แล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่งเราก็เห็นได้ว่าคนรุ่นนี้เข้าถึงความจริงที่มีคนพยายามปกปิดมาตลอดมากกว่าคนรุ่นตนมากแล้ว
พิธา กล่าวด้วยว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมพรรคก้าวไกลจึงพยายามทำงานเพื่อทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 47 ปีที่แล้วไม่เกิดขึ้นอีกในสังคมไทย ด้วยการยื่นร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เมื่อวานนี้ (5 ตุลาคม) ให้เป็นการถอนฟืนออกจากกองไฟ ไม่ให้เกิดความแตกแยกที่ไม่จบสิ้น ให้เกิดการสืบหาข้อเท็จจริง เกิดความยุติธรรม และให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้
“ปิยะบุตร” อัด “ก้าวไกล”ปล่อยโควต้า กมธ.เหลือแค่ 8 คณะ
ปิยบุตร แสงกนกกุลเลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ถึงกรณีพรรคก้าวไกล ปล่อยให้โควตาประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ในสภาฯ เหลือเพียง 8 คณะ จากเดิมได้โควตา 11 คณะ ว่า นอกจากเรื่องปล่อยให้ประธาน กมธ.จาก 11 เหลือ 8 แล้ว เพื่อน ส.ส.จากพรรคอื่น ๆ ยังโทรมาเล่าให้ฟังอีกว่า พรรคก้าวไกลเป็นอะไร ทำไมภายในพรรค ไม่จัดวางตำแหน่ง สส. ของพรรคตนเองว่าใครจะเป็นรองประธาน กมธ. มาให้เรียบร้อย พอมาหน้างาน ในหลายคณะ สส.ก้าวไกล มาแย่งตำแหน่งรองประธานกันเอง จนประธานจากพรรคอื่นงง เอ๊ะ ทำไมไม่เคลียร์กันมาก่อน
เพื่อน สส. พรรคอื่นโทรมาแจ้งตนแบบนี้ คิดว่า น่าอายมาก ไปทะเลาะแย่งตำแหน่งกันเอง ต่อหน้า สส.พรรคอื่น นี่ถ้าประธาน จากพรรคอื่น เขาปล่อยให้โหวต ให้ สส.ก้าวไกล แข่งกันเอง คงน่าสมเพชกว่านี้
โฆษกรัฐบาล วอนคนไทยช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคท่องเที่ยว
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ต่อเหตุการณ์เศร้าสลดที่เกิดขึ้นที่สยามพารากอนเมื่อสองสามวันก่อนนั้น
รัฐบาลไทยแสดงออกถึงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าว และตามมาด้วยการเยียวยาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งการยกระดับมาตรการต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนร่วมมือกัน เพื่อความสามัคคี จะผ่านห้วงเวลานี้ไปด้วยกัน
ขอให้ยุติแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ความรู้สึก และความเข้าใจในทางลบต่อประเทศไทยมาขยายผล เป็นทำนองว่า เกิดกระแสการยกเลิกทริปที่จะมาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่พยากรณ์เกินจริงไปมากๆว่านักท่องเที่ยวจีนจะยกเลิกการจองมาเที่ยวไทยมากถึง 30-50% นั้น
“สุนทร” เข้าปฏิบัติหน้าที่ ส.ว.แทนตำแหน่งที่ว่าง
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่รัฐสภา พล.อ.สุนทร ขำคมกุล ส.ว. ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง หลังจาก น.ส.เรณู ตังคจิวางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ยื่นหนังสือแสดงความประสงค์ ขอลาออกจากการเป็นสมาชิก ส.ว. เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
โดยมี นภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา พร้อมด้วยนางปัณณิตา สท้านไตรภพ รองเลขาธิการวุฒิสภา และนายรุ่งธรรม เปรมมางกูร ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ให้การต้อนรับพร้อมชี้แจงขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ขณะนี้ มี ส.ว.จำนวนทั้งสิ้น 245 คน
