อภัยโทษ – ลดโทษ “ทักษิณ” เหลือ 1 ปี จาก 8 ปี
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2566 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระบรมราชโองการพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ที่ 1/2566 พระที่นั่งอัมพรสถาน วันที่ 31 สิงหาคม พุทธศักราช 2566
ตามที่ นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน 3 คดี
คดีที่ 1 คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 4/2551 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี
คดีที่ 2 คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 10/2552 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี
ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2 นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี และคดีที่ 3 คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 5/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม กำหนดโทษจำคุก 5 ปี
รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี รับโทษมาแล้ว 10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน 20 วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ความว่าเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษาขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น
ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก 1 ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป
“เศรษฐา” ยันโผ ครม.เรียบร้อยคาดแถลงนโยบายได้สัปดาห์หน้า
ที่พรรคเพื่อไทยวันนี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงรายชื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำรายชื่อ ครม.ทั้งหมดมาให้ตนลงนามในช่วงเวลา 17.30 น.ของวันนี้ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป ที่
ภูมิธรรม เวชยชัย ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิช กล่าวถึงการจัดทำนโยบายรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมว่า ขณะนี้นโยบายรัฐบาลใกล้จะเรียบร้อยแล้วพร้อมจะแถลงภายในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยต้องรอให้มีการโปรดเกล้าคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะแจ้งไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์หน้า เพื่อบรรจุระเบียบในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาฯซึ่งหลังจากที่มีการแถลงนโยบายแล้วก็จะมีการประชุม ครม. และรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงก็สามารถทำงนได้ตามขั้นตอนซึ่งคาดว่าการประชุม ครม.นัดแรกจะเกิดขึ้น 12 ก.ย.นี้ ส่วนการแถลงนโยบายต่อสภาฯเบื้องต้นคาดการณ์ว่าอาจจะเป็นวันที่ 12 ก.ย.
“ธรรมนัส” ไม่ตอบ “ประวิตร” ลาออก สส. บอกให้ไปถามจากเจ้าตัวเอง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เตรียมลาออกจากสส.บัญชีรายชื่อว่า ยังไม่ได้เจอท่าน จากนั้นก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมกับตอบสั้นๆว่า ยังไม่ทราบ และยังไม่ได้เจอพล.อ.ประวิตร วันนี้มาฟังความเดือดร้อนประชาชน ยังไม่ขอพูดถึงประเด็นดังกล่าว
ส่วนไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ โดยยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร ยังไม่ลาออกจากสส.บัญชีรายชื่อ และขอให้ฟังจากพล.อ.ประวิตร จะชัดเจนมากกว่า
ไผ่ ยังย้ำว่า เรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น วันนี้ขอโฟกัสเรื่องการทำงานดีกว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือการร่วมงานกัน และวันนี้ไม่มีสีเสื้อ ส่วนถ้าพล.อ.ประวิตร จะลาออกก็คงเพราะอยากให้คนข้างหลัง ขึ้นมาทำงานมากกว่า ทั้งยังยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐยังมีกำลังใจดีมาก และรักกันดี
“หมอตุลย์” ยื่นคัดค้านคุณสมบัติ “พิชิต” ชี้ขัดรธน.ปี 60
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาคุณสมบัติของพิชิต ชื่นบาน ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลของเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 และมาตรา 98 หรือไม่
โดยเนื้อหาของจดหมายที่นพ.ตุลย์ ยื่นต่อเลขาธิการกฤษฎีกา ระบุสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า นายพิชิต เป็นทนายความที่มีความพยายามมอบเงิน จำนวน 2 ล้านบาทให้เจ้าหน้าที่ของศาลระหว่างการพิจารณาคดีของนายทักษิณ ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
และถือขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) ดังนั้นเพื่อไม่ให้การนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ระคายเคืองเบื้องพระยุคบาท สำนักงานกฤษฎีกาควรพิจารณาด้วยความรอบคอบและทุกแง่มุม
“ก้าวไกล” ให้กฎหมายจัดการสมาชิกพรรคเมาแล้วขับชนคนตาย
กรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเกิดเหตุการณ์นายณัฎฐกรณ์ อายุ 48 ปี สมาชิกพรรค มีคดีเมาแล้วขับรถชนคนเสียชีวิต ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ
โดยนายกรุณพล กล่าวว่า เป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับสมาชิกพรรค เรามีสมาชิกพรรคก้าวไกลอยู่ 8.5 หมื่นคน และพรรคอื่นมีสมาชิกเป็นแสนคน
เรื่องนี้ผิดถูกก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม หลักการมีอยู่แล้วว่าสมาชิกพรรคต้องไม่ต้องโทษคดีอาญา หรือถูกตัดสินจำคุก สุดท้ายหากคดีถึงที่สุด ก็คงพิจารณาถอดถอนหรือไม่ต่อไป
