เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ตามเวลาสหรัฐ นาย โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ได้ออกแถลงการณ์เพื่อเตรียมการเข้ารับตำแหน่งหลังจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลิกคุมเชิงและประกาศจะให้ความร่วมมือต่อการถ่ายโอนอำนาจแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวได้รับอนุมัติให้เปิดทางให้ว่าที่ประธานาธิบดีไบเดน สามารถเข้ารับฟังข้อมูลข่าวกรองที่จำเป็นในแต่ละวันเพื่อเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลและรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาได้อย่างเต็มที่ทันทีที่เข้าดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2563
อ่าน : ‘โจ ไบเดน’ เตรียมประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 24 พ.ย. นี้
อ่าน : ดาวโจนส์พุ่งรับข่าว ไบเดน เล็งวาง ‘เยลเลน’ นั่งรมว.คลัง
ว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้แถลงการณ์ยืนยันชื่อคณะรัฐมนตรีชุดแรกตรงตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ เขาได้เสนอชื่อ แอนโธนี บลิงเคน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุว่าแอนโธนีเป็นนักการทูตที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในฐานะที่ปรึกษาด้านนโยบายการต่างประเทศมาเป็นเวลานาน และเลือก เจค ซัลลิแวน เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ
โจ ไบเดน ได้เสนอชื่อ อาเลฮันโดร มายอร์กาส์ อดีตผู้ช่วยเลขานุการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิที่มีเชื้อชาติละตินคนแรก และเสนอชื่อ แอฟริล เฮนส์ อดีตผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ
จอห์น แคร์รี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้ทำงานผลักดันเกี่ยวกับความตกลงปารีสในครั้งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถอนตัวออกมา ได้รับเสนอชื่อเป็นทูตพิเศษด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ส่วน ลินดา โธมัส-กรีนฟีลด์ อดีตนักการทูตผู้มากประสบการณ์ได้รับเสนอชื่อเข้าดำรงตำแหน่งทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ
ผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมดได้เวียนกันกล่าวถ้อยคำแสดงจุดยืนที่มุ่งมั่นที่จะนำสหรัฐอเมริกาก้าวขึ้นสู่เวทีโลกเพื่อร่วมมือทั้งทางด้านภูมิอากาศ การค้า และประเด็นความมั่นคงแห่งชาติ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้อาศัยแนวทางชาตินิยมสกัดกั้นการเจริญสันถวไมตรีมาเป็นเวลาสี่ปี ทั้งนี้ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเพียงสองราย คือ จอห์น แคร์รี และ เจค ซัลลิแวน จะต้องได้รับการรับรองผลจากวุฒิสภาก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง
นอกจากนี้ ที่ปรึกษาของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่พร้อมทีมงานได้เร่งเข้าหารือกับตัวแทนรัฐบาลกลาง เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดและทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางจนครบทุกราย ในการนี้ที่ปรึกษาของว่าที่ประธานาธิบดีฯ ได้เตรียมวางแผนการรับมือกับการระบาดของโรคโคโรนาไวรัสเป็นอันดับแรก และได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐเพื่อหารือเกี่ยวกับการควบคุมและป้องกันโรคระบาดชนิดนี้ รวมทั้งหารือเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนและแจกจ่ายให้กับประชาชน และได้มีการหารือกับ ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อสหรัฐด้วย