ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นผู้นำสหรัฐคนแรก ที่ถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงคะแนนเสียงถอดถอน 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดนี้ด้วยข้อหาปลุกปั่นการจลาจล กรณีกลุ่มผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภา
สภาผู้แทนราษฎรลงมติด้วยคะแนนเสียง 232 ต่อ 197 ให้ถอดถอนทรัมป์ โดยส.ส.พรรครีพับลิกัน 10 คนยกมือสนับสนุนมตินี้ร่วมกับพรรคเดโมแครต ด้วยเหตุผลว่าทรัมป์ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และเตือนถึงอันตรายหากสภาไม่ลงมือทำอะไร ก่อนที่โจ ไบเดน จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.
อ่าน : เดโมแครตเดินหน้า ถอดถอน ทรัมป์ ขณะเอฟบีไอเตือนม็อบติดอาวุธมีแผนป่วน
ขั้นตอนต่อจากนี้คือ สภาผู้แทนราษฏรจะส่งเรื่องไปยังวุฒิสภา
ด้านทรัมป์ซึ่งรับชมการลงคะแนนเสียงที่ทำเนียบขาว ขอให้บรรดาผู้สนับสนุนเขาอย่าก่อเหตุรุนแรง หรือขัดขวางการสาบานตนของไบเดน แต่ไม่ได้พาดพิงถึงความพยายามถอดถอน
ทั้งนี้ ทรัมป์ถูกสภาผู้แทนราษฎรลงคะแนนเสียงถอดถอนครั้งแรกเมื่อปี 2562 กรณีถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายด้วยการกดดันให้ผู้นำยูเครน ขุดคุ้ยข้อมูลที่สร้างความเสียหายต่อคู่แข่งทางการเมือง แต่ทรัมป์รอดพ้นจากการถูกถอดถอน หลังจากวุฒิสภาลงมติว่าเขาไม่มีความผิด
ในครั้งนี้ แกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ระบุว่า จะเริ่มไต่สวนได้วันอังคารหน้า หรือ 1 วันก่อนทรัมป์พ้นจากตำแหน่ง โดยต้องอาศัยเสียง 2 ใน 3 ในการตัดสินว่ามีความผิดและถอดถอน
แม้วุฒิสภาอาจมีเวลาไม่พอถอดถอนทรัมป์ แต่สามารถสกัดทรัมป์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในอนาคต อีกทั้งทรัมป์ยังอาจสูญเสียสิทธิประโยชน์ที่อดีตประธานาธิบดีได้รับ
ในตอนแรก สภาผู้แทนราษฎรพยายามโน้มน้าวรองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรี ให้ใช้อำนาจตามบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อปลดทรัมป์และโอนอำนาจไปยังรองประธานาธิบดี แต่เพนซ์ไม่ยอมทำ