ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ เผยโฉมหน้าทีมเศรษฐกิจ เยลเลน คุมกระทรวงการคลังตามคาด พร้อมลั่นจะเร่งช่วยเหลือคนอเมริกันในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ
คณะรับโอนอำนาจของไบเดน ยืนยันรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่าเจเนต เยลเลน ได้รับการเสนอชื่อให้รับหน้าที่รัฐมนตรีคลัง ซึ่งหากวุฒิสภาให้การรับรอง เยลเลนจะเป็นรัฐมนตรีคลังหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ 231 ปีของกระทรวงนี้
อ่าน : ดาวโจนส์พุ่งรับข่าว ไบเดน เล็งวาง ‘เยลเลน’ นั่งรมว.คลัง
ส่วนวอลลี อาดีเยโม อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมัยรัฐบาลโอบามา ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยคลัง อาดีเยโมเกิดในไนจีเรียและไปเติบโตในสหรัฐ โดยสำเร็จปริญญาตรีและศึกษาด้านกฎหมายต่อที่มหาวิทยาลัยเยล หากได้รับการรับรอง เขาจะเป็นคนผิวสีคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยคลัง
นอกจากนั้น ไบเดนยังเสนอชื่อ นีรา แทนเดน เป็นผู้อำนวยการสำนักจัดการและงบประมาณ ซึ่งหากวุฒิสภาได้รับการรับรอง แทนเดนจะเป็นสตรีผิวสีคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้
เซซิเลีย เราส์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ อันนับเป็นการแต่งตั้งผู้หญิงผิวสีให้ดำรงตำแหน่งสำคัญอีกตำแหน่งหนึ่ง โดยเราส์เคยอยู่ในทีมสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจสมัยรัฐบาลโอบามา
อ่าน : โจ ไบเดน ประกาศรายชื่อ ครม. เตรียมพร้อมเข้ารับตำแหน่ง
สำหรับตำแหน่งผู้แทนการค้าพิเศษนั้น สมาชิกสภาทรงอิทธิพลจำนวนหนึ่งแนะให้ไบเดนเลือก Katherine Tai เข้าทำหน้าที่นี้ Tai เป็นคนอเมริกันเชื้อสายจีน สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเยลและฮาร์วาร์ด พูดภาษาจีนกลางได้คล่อง และเคยสอนภาษาอังกฤษที่จีนอยู่ 2 ปี ทั้งยังเคยเป็นที่ปรึกษาการค้าในคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีจัดหารายได้ประจำสภาผู้แทนราษฎร และดูแลเรื่องการค้าจีนสมัยรัฐบาลโอบามา นอกจากนั้น ยังมีบทบาทสำคัญในการเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา
ไบเดนระบุว่า ในช่วงที่รัฐบาลใหม่ลงมือทำงานเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ทีมเศรษฐกิจชุดนี้จะเร่งช่วยเหลือคนอเมริกันในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ และช่วยกันฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจให้ดีกว่าเดิม ทีมเศรษฐกิจชุดนี้จะช่วยเหลือชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด และแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมเชิงโครงสร้างในเศรษฐกิจสหรัฐ
ทีมเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในทีมงานสำคัญของรัฐบาลใหม่สหรัฐ ซึ่งความสำเร็จหรือล้มเหลว จะมีบทบาทอย่างมากในการตัดสินอนาคตของรัฐบาล โดยทีมงานเข้ามารับหน้าที่ตอนที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังประสบปัญหาและตลาดแรงงานกำลังอ่อนแรง ด้วยอัตราว่างงานเกือบ 7% และคนอเมริกันมากกว่า 20 ล้านคนขอรับสวัสดิการว่างงาน
ไบเดนประกาศจะผ่านมาตรการเยียวยาโควิดฉบับที่ 2 รวมถึงให้ความช่วยเหลือคนตกงาน แต่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันกับเดโมแครตยังตกลงกันไม่ได้ในรายละเอียด
คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบมากขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จนหลายรัฐต้องออกข้อจำกัดเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 อันอาจทำให้มีคนตกงานมากขึ้น ส่วนโครงการช่วยเหลือจากภาครัฐที่เห็นชอบไปเมื่อต้นปี ก็จะหมดอายุลงปลายปีนี้