จีนแซงหน้าสหรัฐอเมริกาในฐานะประเทศที่มีบริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์น หรือ บริษัทที่มีมูลค่าธุรกิจมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 4 ใน 5 ราย
สถาบันวิจัยฮูรุน (Hurun Research Institute) ของจีนระบุว่าสหรัฐอเมริกาและจีนมีบริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์นคิดเป็น 79% ของจำนวนบริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์นที่เป็นที่รู้จักจำนวน 586 บริษัททั่วโลก โดยมีมูลค่าธุรกิจรวมกันทั้งหมดคิดเป็น 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
บริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์นสี่อันดับแรกที่มีมูลค่าธุรกิจสูงที่สุดของโลกตามรายงานของฮูรุนล้วนเป็นบริษัทสัญชาติจีนทั้งหมด
อันดับที่หนึ่ง คือ บริษัทแอนท์กรุ๊ป (Ant Group) ผู้ให้บริการด้านการเงินดิจิทัล อาลีเพย์ (Alipay) ในเครือของอาลีบาบา (Alibaba Group Holding) มีมูลค่าธุรกิจสูงถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์ และกำลังเตรียมแผนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกในฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้
อันดับที่สอง คือ บริษัทติ๊กต๊อก (TikTok) ในเครือของไบท์แดนซ์ (ByteDance) มีมูลค่าธุรกิจ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ปัจจุบันกำลังถูกกดดันให้เพิกถอนสิทธิ์ในการทำธุรกิจในสหรัฐฯ หากไม่ยินยอมขายธุรกิจให้บริษัทสัญชาติอเมริกันภายในวันที่ 15 กันยายนนี้
อันดับที่สาม คือ บริษัทตีตี้ ชู่ซิง (Didi Chuxing) ผู้ให้บริการเรียกรถและไรด์-แชร์ริงรายใหญ่ที่สุดของจีน มีมูลค่าธุรกิจ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์
อันดับที่สี่ คือ บริษัทลูแฟกซ์ (Lufax Holding) ผู้ให้บริการบริหารความมั่งคั่งและสินเชื่อผ่านระบบออนไลน์ มีมูลค่าธุรกิจ 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนบริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์นรายใหญ่สุดเป็นอันดับห้า คือ บริษัทสเปซเอ็กซ์ (Space Exploration Technologies Corp) ของอีลอน มัสค์ มีมูลค่าทางธุรกิจ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์
ปัจจุบันประเทศจีนและสหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกที่ยังคงแข่งขันทางการค้า และผลักดันด้านเทคโนโลยีชั้นสูง รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยียานยนตร์ไร้คนขับ (autonomous driving) เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และบิ๊กดาต้า (big data) อย่างต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมหลักที่เหล่าสตาร์ทอัพยูนิคอร์นให้ความสนใจลงทุนมากที่สุดในปัจจุบัน ได้แก่ เทคโนโลยีและโทรคมนาคม ฟินเทค ขนส่งและโลจิสติกส์ อีคอมเมิร์ซ บริการสุขภาพและเภสัชกรรม