ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่ง สหรัฐ (CDC) เปิดเผยแนวปฏิบัติใหม่สำหรับชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนครบโดส ซึ่งรวมถึงกิจกรรมที่พวกเขาสามารถทำได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย
ศูนย์ฯ กล่าวว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสสามารถร่วมกิจกรรมกลางแจ้งและสันทนาการโดยไม่ต้องสวมหน้ากาก พบปะเป็นกลุ่มขนาดเล็กกับคนที่ฉีดวัคซีนครบโดส หรือผสมระหว่างกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วและยังไม่ฉีดวัคซีน รวมถึงรับประทานอาหารกลางแจ้งโดยไม่สวมหน้ากากกับเพื่อนฝูงจากหลายครอบครัว
ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสไม่จำเป็นต้องเข้ารับการทดสอบโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนหรือหลังเดินทางภายในสหรัฐ และไม่ต้องกักกันตัวหลังเดินทาง อีกทั้งไม่ต้องตรวจโรคก่อนเดินทางไปต่างประเทศ และสามารถละเว้นการกักกันตัวหลังกลับถึงสหรัฐเช่นกัน
อ่าน : สหรัฐฯ ไฟเขียว ‘ผู้ได้รับ วัคซีน ครบโดส’ เดินทางแบบไม่ต้องตรวจโรค-กักตัว
ศูนย์ฯ นิยาม “การฉีดวัคซีนครบโดส” ไว้ว่าคือช่วงเวลา 2 สัปดาห์หลังการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) หรือโมเดอร์นา (Moderna) โดสที่สอง หรือ 2 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson and Johnson) จำนวน 1 โดส
“นี่เป็นอีกวันที่เราสามารถหวนกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง” โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ระบุ
อย่างไรก็ดี แนวปฏิบัติใหม่กระตุ้นเตือนผู้คนสวมหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่องบริเวณพื้นที่ในร่มส่วนใหญ่และสถานที่กลางแจ้งแออัด โดยศูนย์ฯ ร้องขอผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสหลีกเลี่ยงการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่บริเวณพื้นที่ในร่มด้วย
“การผ่อนปรนการเว้นระยะห่างทางสังคมและมาตรการบางประการ อาทิ ข้อกำหนดกักกันตัว อาจมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่คนที่ฉีดวัคซีนครบโดสจะป่วยโรคโควิด-19 หรือแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ไปยังผู้อื่น” ศูนย์ฯ เปิดเผย
ศูนย์ฯ เสริมว่าการดำเนินการเพื่อผ่อนปรนมาตรการบางอย่างสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วอาจทำให้ประชาชนยอมรับและฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 กันมากขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลของศูนย์ฯ ระบุว่าสหรัฐฉีดวัคซีนราว 232 ล้านโดสแล้ว เมื่อนับถึงวันที่ 27 เม.ย. โดยมีการจัดสรรวัคซีนสู่ทั่วประเทศรวมกว่า 297 ล้านโดส ขณะปัจจุบันมีผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วราว 96 ล้านคน หรือราวร้อยละ 29.1 ของประชากรทั้งหมด
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ร้องขอชาวอเมริกันทุกคน “เข้ารับวัคซีน” ทันที โดยระบุว่าแม้สหรัฐมี “ความคืบหน้าอันน่าทึ่ง” แต่ “ยังคงเหลือหนทางอีกยาวไกล” ในการต่อสู้กับการระบาดใหญ่
อ้างอิง : สำนักข่าวซินหัวไทย