HomeBT Newsย่อข่าวธุรกิจต่างประเทศ ภาคเย็น 28 กุมภาพันธ์ 2566

ย่อข่าวธุรกิจต่างประเทศ ภาคเย็น 28 กุมภาพันธ์ 2566

ฮ่องกงเลิกกฎสวมหน้ากาก 1 มี.ค.

จอห์น ลี ผู้บริหารเกาะฮ่องกง แถลงว่าฮ่องกงจะยกเลิกกฎให้สวมหน้ากาก หวังดึงดูดนักเดินทางและภาคธุรกิจ รวมถึงเป็นการกลับไปสู่การดำเนินชีวิตแบบปกติ หลังจากเผชิญการระบาดและออกกฎคุมเข้มมาเป็นเวลากว่า 3 ปี

การยกเลิกสวมหน้ากากจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ทั้งการสวมหน้ากากในอาคารและนอกอาคาร รวมถึงบนระบบขนส่งสาธารณะ

- Advertisement -

แต่สถานดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาล ยังมีกฎให้สวมหน้ากากอยู่

ผู้นำฮ่องกงอธิบายว่า ตัดสินใจยกเลิกการสวมหน้ากาก หลังจากพิจารณาแล้วเห็นว่าสถานการณ์โควิดบนเกาะฮ่องกงและความเสี่ยงทั้งหมด อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ประกอบกับจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ และไวรัสทางเดินหายใจอื่นๆ ลดลง ฮ่องกงจึงจะเริ่มกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ อันจะเอื้ออย่างมากต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ, ขีดแข่งขันระหว่างประเทศ และการดำเนินกิจกรรมต่างๆ

ก่อนหน้านี้ มาเก๊าระบุว่าจะยกข้อกำหนดสวมหน้ากากตามสถานที่ต่างๆ ยกเว้นบนระบบขนส่งมวลชน ในโรงพยาบาล และอีกบางสถานที่ที่จำเป็น

ผู้หญิงในบอร์ดบริษัทอังกฤษ สูงถึง 40% ครั้งแรก

รายงานของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษ ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว จำนวนสตรีที่มีที่นั่งในคณะกรรมการหรือบอร์ดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่สุดในอังกฤษ 350 แห่ง ขึ้นถึง 40% เป็นครั้งแรก

ความหลากหลายในบอร์ด กลายเป็นจุดสนใจสำหรับผู้กำหนดนโยบายและนักลงทุนจำนวนมากที่มองว่าประสบการณ์ที่หลากหลาย จะช่วยให้การตัดสินใจดำเนินไปอย่างดีขึ้น รวมถึงมีวัฒนธรรมในองค์กรที่ดีขึ้น

เมื่อปีที่แล้ว เอฟทีเอสอี วีเมน ลีดเดอร์ส รีวิว วางเป้าหมายให้บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่สุดในอังกฤษ 350 แห่ง มีผู้หญิงอยู่ในบอร์ดและทีมบริหาร 40% ภายในปี 2568 เพิ่มจากเป้าหมายเดิมที่ 33%

เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความเสมอภาคของสตรีในอังกฤษ แสดงความยินดีกับความคืบหน้าในครั้งนี้ พร้อมขอให้ภาคธุรกิจสานต่อแนวโน้มดังกล่าว เพื่อให้ตำแหน่งในระดับผู้นำหรือบริหาร รวมถึงในบอร์ด มีความสมดุลมากขึ้น

รายงานระบุว่า ความคืบหน้าครั้งนี้นับว่าโดดเด่น เพราะอังกฤษไม่มีระบบโควตาที่บังคับหรือกำหนดตายตัวเกี่ยวกับจำนวนสตรีในบอร์ดบริษัทจดทะเบียน เหมือนประเทศอย่างเบลเยียมและฝรั่งเศส

อุตฯการบินอเมริกาเหนือชูไอโฟนฟรี-เลี้ยงลูก ดึงดูดคนงาน

อุตสาหกรรมการบินอเมริกาเหนือกำลังดึงดูดคนทำงาน ด้วยการนำเสนอศูนย์ดูแลเด็กเล็ก, ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง และไอโฟนฟรีแก่คนทำงานที่ทำผลงานได้ตามเป้าหมาย หวังแข่งขันในตลาดแรงงานที่ตึงตัว ซึ่งให้เงินเดือนสำหรับพนักงานใหม่ที่มีทักษะน้อย ในระดับที่ต่ำกว่าบรรดาบริษัทอีคอมเมิร์ซ อย่างอเมซอน

การขาดแคลนคนทำงาน อย่างคนดูแลสัมภาระและเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ทำให้ผู้โดยสารต้องเข้าคิวยาว และสัมภาระล่าช้าในช่วงฤดูท่องเที่ยวเมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว อันทำให้อุตสาหกรรมการบินได้ประโยชน์ไม่เต็มที่หลังการระบาดของโควิดซาลง และนำไปสู่การนำเสนอแนวทางใหม่ๆ เพื่อดึงดูดคนทำงาน

รองประธานสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ระบุว่าหากอยากหาคนทำงานกะดึก หรือกะกลางวัน อาจต้องดูแลชีวิตครอบครัวของคนทำงานเหล่านี้ด้วย อย่างมีศูนย์ดูแลเด็กให้คนทำงานกลุ่มนี้

ทั้งนี้ ประเด็นหนึ่งที่เป็นปัญหาในอุตสาหกรรมการบิน คือค่าแรงที่ไม่สูงนัก ทำให้การรักษาคนทำงานตามสนามบิน เป็นสิ่งท้าทาย ประกอบกับปัจจุบันอัตราว่างงานในสหรัฐ อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 53 ปี

ชาวต่างชาติเข้าเวียดนามเพิ่มกว่า 30 เท่า       

สำนักงานสถิติเวียดนามรายงานว่า มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าเวียดนาม 933,000 คนในเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 31.6 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดรับนักเดินทางต่างชาติเต็มรูปแบบ และการกลับมาให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศอีกครั้ง

ในช่วงเวลาดังกล่าว ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเวียดนามทั้งหมดแบ่งเป็นผู้เดินทางทางอากาศ 89.6%, ผู้เดินทางทางบก 9.6% และทางทะเล 0.8% โดยส่วนใหญ่มาจากเอเชียถึง 74% ของทั้งหมด

ส่วนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเวียดนามในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. 2566 เพิ่มแตะ 1.8 ล้านคน หรือพุ่งขึ้น 36.6 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนโควิด-19 ระบาดในปี 2562 ถึง 60%

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งเวียดนามเปิดเผยว่า ขณะที่การเดินทางทางอากาศทั่วโลกกำลังฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ จำนวนผู้โดยสารทางอากาศของเวียดนามก็พุ่งขึ้นเกือบ 20 ล้านคนในเดือนม.ค.-ก.พ. โดยสนามบินพลเรือน 22 แห่งรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ 4.7 ล้านคน และผู้โดยสารในประเทศ 14.8 ล้านคน

ทั้งนี้ เวียดนามตั้งเป้าต้อนรับนักเดินทางต่างชาติ 8 ล้านคนในปี 2566

สหรัฐเร่งปราบปรามการใช้แรงงานเด็ก

รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเกี่ยวกับมาตรการปราบปรามการใช้แรงงานเด็ก ท่ามกลางการละเมิดที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และรายงานการสืบสวนจากสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการจ้างงานที่ผิดกฎหมายในกลุ่มผู้อพยพที่เป็นผู้เยาว์ในอุตสาหกรรมที่อันตรายต่างๆ ของสหรัฐ

เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานพบว่า การละเมิดการใช้แรงงานเด็กเพิ่มขึ้นเกือบ 70% ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งรวมถึงในอาชีพที่เป็นอันตราย โดยในปีงบประมาณที่ผ่านมา พบว่าบริษัท 835 แห่งมีการละเมิดกฎหมายการใช้แรงงานเด็ก โดยคณะบริหารอยู่ในระหว่างตรวจสอบการจ้างงานเด็กในบริษัทต่างๆ

คณะบริหารของผู้นำสหรัฐ ได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจเกี่ยวกับแรงงานเด็กขึ้นมา และวางแผนตั้งเป้าหมายการสืบสวนไปที่อุตสาหกรรม ที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดการละเมิดกฎหมายมากที่สุด ทั้งยังผลักดันให้มีการเพิ่มบทลงโทษที่หนักขึ้นสำหรับบริษัทที่ละเมิดกฎหมายดังกล่าว และจัดสรรเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับการบังคับใช้กฎหมายและการกำกับดูแล

กฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี ทำงานในโรงงานส่วนใหญ่ และห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในตำแหน่งงานที่อันตรายที่สุดในโรงงานอุตสาหกรรม

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News