คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนต.ค.2550
การปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ และเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 9 ติดต่อกันตั้งแต่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565
อย่างไรก็ดี เฟดส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นต่อระบบธนาคารสหรัฐว่ามีความแข็งแกร่ง และยืดหยุ่น โดยสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อต่อภาคธุรกิจและครัวเรือน รวมถึงกระทบต่อกิจกรรมในเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อ ซึ่งผลกระทบเหล่านี้มีความไม่แน่นอน ขณะที่เฟดจะยังจับตาความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง
เฟดคาดว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 3.6% ในปีนี้ จากนั้นจะลดลงสู่ระดับ 2.6% ในปี 2567 และ 2.1% ในปี 2568 ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐคาดว่าจะขยายตัว 0.4% ในปีนี้ ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 0.5% ก่อนดีดตัวสู่ระดับ 1.2% และ 1.9% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ