บริษัท AstraZeneca ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม ยืนยันว่าวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไม่มีส่วนผสมที่ได้มาจากสุกร หลังจากหน่วยงานในประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีจำนวนประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลกกล่าวยืนยันว่าวัคซีนดังกล่าวละเมิดกฎหมายอิสลาม
สภามุสลิมสูงสุดแห่งประเทศอินโดนีเซียระบุว่าวัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีน “ฮาราม” เนื่องจากกระบวนการในการผลิตใช้สารทริปซินซึ่งสกัดมาจากตับอ่อนของสุกร แต่สภาฯ ได้ยินยอมให้มีการอนุมัติให้ใช้วัคซีนดังกล่าวได้เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าสถานการณ์ระบาดอยู่ในภาวะฉุกเฉิน
นายริซแมน อบูเดรี โฆษกของบริษัท AstraZeneca ประจำประเทศอินโดนีเซีย กล่าวยืนยันเพื่อสร้างความมั่นใจว่าวัคซีนของบริษัทไม่มีส่วนผสมหรือการสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากสุกรหรือสัตว์ชนิดอื่นๆ ตลอดทุกขั้นตอนการผลิต สภามุสลิมสูงสุดแห่งประเทศอินโดนีเซียและองค์การอาหารและยาของอินโดนีเซียไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำยืนยันดังกล่าว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาของประเทศอินโดนีเซียได้อนุมัติให้ใช้งานวัคซีนของบริษัท AstraZeneca หลังจากที่มีรายงานการทบทวนประสิทธิภาพและความเสี่ยงเกี่ยวกับกรณีลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นในกลุ่มประชากรในประเทศแถบยุโรปที่ได้รับวัคซีนไปก่อนหน้านี้
ประเทศอินโดนีเซียถือเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงที่สุด โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม ระบุว่าอินโดนีเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมสูงถึง 1,455,788 คน และผู้เสียชีวิตรวม 39,447 คน