“เอลนีโญ” อาจดันอุณหภูมิโลกทุบสถิติ
นักภูมิอากาศวิทยายุโรประบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในโลกอาจทะลุสถิติในปีนี้หรือปีหน้า ผลจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงและการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยแบบจำลองสภาพภูมิอากาศบ่งชี้ว่าหลังจากเกิดปรากฏการณ์ลานีญาในมหาสมุทรแปซิฟิก 3 ปี ซึ่งโดยทั่วไปแล้วทำให้อุณหภูมิโลกลดต่ำลงเล็กน้อย โลกจะเผชิญกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งเป็นสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ในปีนี้
ปกติแล้ว ปรากฏการณ์เอลนีโญมักมาพร้อมกับอุณหภูมิที่ทำลายสถิติ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นปีนี้หรือปีหน้า โดยปีที่อุณหภูมิโลกร้อนสุดเป็นประวัติการณ์คือปี 2559 ซึ่งตรงกับการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรง ขณะเดียวกัน ช่วง 8 ปีที่ผ่านมาโลกก็ร้อนเป็นประวัติการณ์เช่นกัน อันสะท้อนถึงแนวโน้มของภาวะโลกร้อน
อิทธิพลจีนในเอเชียอาคเนย์เพิ่มขึ้น ขณะสหรัฐลดลง
สถาบันโลวี (Lowy) ซึ่งเป็นคลังสมองแห่งออสเตรเลีย ชี้ว่าอิทธิพลของจีนในเอเชียอาคเนย์มีมากขึ้น ขณะอิทธิพลของสหรัฐลดลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐสูญเสียอิทธิพลให้จีนใน 4 ด้าน คือความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ เครือข่ายกลาโหม อิทธิพลทางการทูต และอิทธิพลทางวัฒนธรรม
เมื่อปี 2561 อิทธิพลของจีนในเอเชียอาคเนย์ นำหน้าสหรัฐที่ 52 ต่อ 48 ขณะที่ในปี 2565 แต้มต่อดังกล่าวเพิ่มเป็น 54 ต่อ 46 โดยรวมแล้วจุดแข็งด้านอิทธิพลของจีนในเอเชียอาคเนย์อยู่ที่ความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจ ขณะที่สหรัฐเน้นอิทธิพลด้านเครือข่ายกลาโหมและวัฒนธรรมมากกว่า อันทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีน้อยกว่าจีนในทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“อิเกีย”เล่นใหญ่ตลาดอเมริกา กะชน”วอลมาร์ท”
อิงกากรุ๊ป เจ้าของอิเกียแห่งสวีเดน จะทุ่มงบ 2,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 76,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจในสหรัฐในช่วง 3 ปีหน้า นับเป็นเม็ดเงินลงทุนก้อนใหญ่ที่สุด หวังชนะใจลูกค้าอเมริกันในยามที่ผู้บริโภคกำลังมองหาสินค้าในระดับราคาที่ซื้อหาได้
อิเกียเข้าไปเปิดสาขาแห่งแรกในสหรัฐเมื่อปี 2528 และสหรัฐเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ในแง่ยอดขายสำหรับบริษัท รองจากเยอรมนี โดยเมื่อปีงบประมาณ 2565 อิงกากรุ๊ปมีรายได้ 5,500 ล้านยูโรในสหรัฐ อีกทั้งบริษัทยังเล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปหาพื้นที่เพื่อเปิดสาขาเพิ่ม ในช่วงที่ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐอย่างวอลมาร์ทและเวย์แฟร์ พากันลดงานและปิดร้าน อันทำให้พื้นที่สำหรับร้านค้าและคลังสินค้ามีราคาถูกลง
สมาร์ทโฟนจีนครองตลาดรัสเซียหลังตะวันตกถอนตัว
สมาร์ทโฟนจีนกวาดส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัสเซีย หลังจากแบรนด์ตะวันตกถอนตัวออกไปสืบเนื่องจากรัสเซียบุกยูเครน โดยยอดขายของบรรดาผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจีนเพิ่มขึ้น 42% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 70% แบรนด์ที่ครองอันดับ 1 คือ Xiaomi ส่วน Realme อยู่อันดับ 2 เบียดซัมซุงกับแอปเปิลไปอยู่อันดับ 3 และ 4 ในไตรมาสแรกของปีนี้
ทั้งนี้ สมาร์ทโฟนจีนรีบเข้าตลาดรัสเซีย หลังจากซัมซุงกับแอปเปิลถอนทัพเมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว โดยเมื่อเดือนมี.ค. 2565 ซัมซุงกับแอปเปิลมีส่วนแบ่ง 57% ในตลาดสมาร์ทโฟนรัสเซีย
นอกจากโทรศัพท์แล้ว รัสเซียยังหันมาพึ่งพาจีนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินหยวนมากขึ้น, จัดหาพลังงานให้จีนมากขึ้น และเริ่มขายรถยนต์แบรนด์จีนมากขึ้น
ผู้นำชิลีประกาศแผนยึดอุตสาหกรรมลิเทียมเป็นของรัฐ
ประธานาธิบดีเกเบรียล บอริกแห่งชิลี ประกาศจะยึดอุตสาหกรรมลิเทียมเป็นของรัฐ และจัดตั้งรัฐวิสาหกิจเพื่อผลิตลิเทียมสำหรับใช้ผลิตแบตเตอรีในยานยนต์พลังงานไฟฟ้า อีกทั้งข้อตกลงลิเทียมในอนาคตจะอยู่ในรูปแบบความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับเอกชนโดยมีรัฐเป็นผู้ควบคุมเท่านั้น
ผู้นำชิลีระบุว่านี่เป็นโอกาสสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเป็นโอกาสดีที่สุดในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจยั่งยืนและพัฒนา พร้อมเสริมว่ารัฐบาลจะไม่ยุติสัญญาที่มีอยู่แล้ว แต่หวังว่าบริษัททั้งหลายจะเปิดกว้างให้ภาครัฐมีส่วนร่วมก่อนสัญญาหมดอายุ ทั้งนี้ ชิลีมีปริมาณลิเทียมสำรองมากที่สุดในโลก และปัจจุบันเป็นผู้ผลิตลิเทียมรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก