เมืองซูริคของสวิตเซอร์แลนด์ และปารีสของฝรั่งเศส กลายเป็นสองเมืองที่ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มี ค่าครองชีพ สูงที่สุดในโลก แซงหน้าประเทศสิงคโปร์และเมืองโอซาก้าของญี่ปุ่นไปอย่างขาดลอย
ข้อมูลดัชนีค่าครองชีพทั่วโลกจากหน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของนิตยสาร The Economist เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาชี้ว่าการระบาดของโรคโคโรนาไวรัสส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและบริการในเมืองต่างๆ กว่า 130 เมืองทั่วโลก
การระบาดของโรคโคโรนาไวรัสส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า เงินสกุลยุโรปตะวันตกและเงินสกุลเอเชียทางตอนเหนือจึงแข็งค่าขึ้นโดยปริยาย ทำให้ราคาสินค้าและบริการมีมูลค่าที่เปลี่ยนไป หัวหน้าฝ่ายข้อมูลดัชนีค่าครองชีพทั่วโลกอธิบายว่า แต่เดิมเมืองในเอเชียมักถูกจัดอันดับว่ามีค่าครองชีพสูงที่สุด แต่โควิด-19 ได้เปลี่ยนทิศทางของค่าครองชีพในปีนี้ไปโดยสิ้นเชิง
ประเทศสิงคโปร์และเมืองโอซาก้าของญี่ปุ่นซึ่งเคยถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มี ค่าครองชีพสูง ที่สุดในโลกคู่กันกับฮ่องกง ได้ไต่อันดับลงมาเป็นอันดับที่ 4 และ 5 ในขณะที่ฮ่องกงยังครองแชมป์คู่กับเมืองซูริคและปารีสในปีนี้ และสาเหตุหลักที่ทำให้ค่าครองชีพในสิงคโปร์และเมืองโอซาก้าลดลงเป็นเพราะแรงงานต่างชาติที่พากันอพยพกลับประเทศในช่วงวิกฤตโควิด ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการลดลง
หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของนิตยสาร The Economist ระบุว่าในช่วงปีที่ผ่านมาราคาสินค้าและบริการส่วนใหญ่ยังค่อนข้างคงที่ ส่วนสินค้าจำเป็น อาทิ อาหารและน้ำ มีราคาค่อนข้างยืดหยุ่นตามสภาพตลาด ส่วนราคาเสื้อผ้าลดลงอย่างมากเนื่องจากขาดอุปสงค์อย่างรุนแรง ในขณะที่ราคาสินค้าที่มีอุปสงค์สูงอย่างเช่นคอมพิวเตอร์ก็มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบจากซัพพลายเชนของสินค้านั้นๆ ด้วย
หน่วยงานฯ ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่าแนวโน้มที่กล่าวมาทั้งหมดน่าจะยังคงเป็นต่อไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นและเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่มีความจำเป็น รวมถึงหันมาซื้ออุปกรณ์มอบความบันเทิงและอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับใช้งานภายในครัวเรือนกันมากยิ่งขึ้น