โฆษกคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน เปิดเผยว่าจะออกแผนการเพิ่มรายได้หลังหักภาษี ที่ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้จริง ในปีนี้ และปีหน้า เพื่อกระตุ้นการบริโภคส่วนบุคคล อันเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจจีน
จีนจะขอให้รัฐบาลท้องถิ่นจัดทำมาตรการเพื่อกระตุ้นการบริโภคโดยเร็ว
กลไกหนึ่งที่ขับเคลื่อนการบริโภค คือรายได้ของประชาชนที่เพิ่มขึ้น กลไกนี้เข้ามามีบทบาทเมื่อปีที่แล้วหลังจากกำไรภาคธุรกิจเริ่มซบเซา โดยรายได้หลังภาษีต่อหัวเพิ่มขึ้น 6.5% เป็น 28,228 หยวน
อีกประเด็นที่น่าวิตกคือการมีงานทำในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาขณะที่ค่าครองชีพยังอยู่ในระดับสูง อัตราว่างงานทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 5.3% เมื่อเดือนก.ค. จาก 5.1% เมื่อเดือนมิ.ย.
ข้อมูลล่าสุดสะท้อนว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาส 2 ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.สะท้อนว่าผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะขยายตัวน้อยที่สุดในรอบ 3 เดือน ยอดขายรถยนต์และอัญมนีลดลงจากปีก่อน ขณะที่ยอดขายเสื้อผ้า เครื่องใช้ในบ้าน และอุปกรณ์โทรคมนาคมเติบโตไม่ถึง 10%
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมืองใหญ่ๆ ของจีนขยายเวลาเปิดบริการ เพื่อโปรโมท”การจับจ่ายตอนกลางคืน” หรือช่วงประมาณ 18.00-6.00 น. ซึ่งโรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ ยิม ซูเปอร์มาร์เกต และแหล่งท่องเที่ยว เปิดให้บริการนานกว่าปกติ
นอกจากนั้น รัฐบาลยังเสนอเงินอุดหนุนแก่ครัวเรือนที่ต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างโทรทัศน์หรือตู้เย็น
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยว่าอีซีบีจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมกำหนดนโยบายเดือนก.ย. ที่น่าจะรวมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรในปริมาณมาก รวมถึงการลดดอกเบี้ย โดยมาตรการนี้น่าจะเกินความคาดหมายของนักลงทุน
นักลงทุนคาดหมายว่าอีซีบีจะประกาศลดดอกเบี้ย 0.1% จากปัจจุบันที่ติดลบ 0.4% รวมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระลอกใหม่ เดือนละ 50,000 ล้านยูโรภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) หลังจากเพิ่งยุติการทำคิวอีไปเมื่อปลายปีที่แล้ว
นอกจากนั้น อีซีบียังอาจผ่อนคลายเงื่อนไขเงินกู้ระยะยาวสำหรับภาคธนาคาร ด้วยการลดดอกเบี้ยหรือขยายเวลาชำระคืน
นอกจากจีนกับอีซีบีที่มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮ่องกงได้อัดฉีดเงินหมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ หวังหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย หลังวิกฤติการเมืองป่วนธุรกิจ-ตลาดเงิน
รัฐบาลฮ่องกงประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 19,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือกว่า 70,000 ล้านบาท เพื่อช่วยปกป้องตำแหน่งงาน และบรรเทาภาระทางการเงินของประชาชน
เศรษฐกิจฮ่องกงขยายตัวแค่ 0.6% เมื่อไตรมาส 2 ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดในรอบสิบปี ทั้งยังติดลบ 0.3% หากเปรียบเทียบกับไตรมาสแรก ดังนั้นหากเศรษฐกิจไตรมาส 3 ติดลบอีก ก็เท่าว่าเกาะที่มีประชากร 7 ล้านคนแห่งนี้ ตกสู่ภาวะถดถอย
การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่ดำเนินมา 10 สัปดาห์ กระทบต่อภาคธุรกิจ บีบให้ต้องมีการยกเลิกเที่ยวบินเกือบพันเที่ยว และสร้างความวิตกแก่นักลงทุนเพราะฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการเงินเอเชีย
Paul Chan หัวหน้าสำนักงานการคลังฮ่องกง กล่าวว่าเหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้น ซ้ำเติมเศรษฐกิจฮ่องกง พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือ 0-1%
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนำโดยการลดหย่อนภาษีแก่ประชาชน จ่ายเงินพิเศษสำหรับผู้มีประกันสังคม ให้เงินช่วยเหลือนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยม จ่ายค่าเช่า 1 เดือนให้ผู้มีรายได้น้อยที่เช่าการเคหะ ให้เงินอุดหนุนค่าไฟหนึ่งครั้งจำนวน 2,000 ดอลลาร์ฮ่องกง
สำหรับภาคธุรกิจนั้น มีการงดเว้นค่าธรรมเนียม 27 รายการสำหรับภาคต่างๆ อย่างค้าปลีก อาหาร และการท่องเที่ยว ลดค่าเช่าสำหรับผู้เช่าที่ดินรัฐบาลระยะสั้น ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ค้ำประกันเงินกู้แก่ธุรกิจขนาดเล็ก และสนับสนุนให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซา จ้างพนักงานต่อไป
นอกจากนั้น ยังจะมีการจัดทำโครงการสาธารณูปโภคด้วย
หัวหน้าสำนักงานการคลัง ระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ และมาตรการที่เคยประกาศในงบประมาณปี 2562-63 น่าจะช่วยหนุนเศรษฐกิจ และบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจรวมถึงประชาชน จากการท้าทายมากมายผลจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ