ผู้นำเม็กซิโกสั่งเดินหน้ายึดเหมืองลิเทียมเข้ารัฐ
ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโก ลงนามข้อกำหนด ส่งมอบความรับผิดชอบด้านปริมาณสำรองลิเทียม ให้แก่กระทรวงพลังงาน หลังจากยึดแร่ลิเทียมเป็นของรัฐเมื่อกลางปีที่แล้ว
ข้อกำหนดดังกล่าว สั่งให้กระทรวงพลังงานดำเนินการที่จำเป็น สำหรับกระบวนการเพื่อให้เป็นสมบัติของชาติ ทั้งยังประกาศให้พื้นที่ 234,855 เฮกตาร์ หรือกว่า 2 พันตารางกม. ในรัฐโซโนราเป็นเขตเหมืองแร่
โอบราดอร์กล่าวว่า ขอให้ทำให้ประเทศเป็นเจ้าของแร่ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์นี้ พร้อมเสริมว่าเมื่อยึดแร่ลิเทียมเข้าเป็นของรัฐแล้ว ชาวต่างชาติจากรัสเซีย จีน หรือสหรัฐ จะไม่สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้
ทั้งนี้ เม็กซิโกมีแหล่งแร่ลิเทียม อันเป็นวัตถุซึ่งเป็นที่ต้องการในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า โดยการศึกษาพบว่าเม็กซิโกอาจมีแร่ลิเทียม 1.7 ล้านตัน
แม้บริษัทต่างชาติกว่า 10 แห่งได้รับสัมปทานทำเหมืองที่มีเป้าหมายในการพัฒนาแร่ลิเทียม แต่โอบราดอร์ระบุว่าต้องทบทวนสัมปทานทั้งหมด
“คิม จองอึน”พาลูกสาวดูกีฬา
กระบอกเสียงของเกาหลีเหนือรายงานว่า คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ พร้อมบุตรสาว ได้ไปชมการแข่งขันกีฬาด้วยกันเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่บุตรสาวผู้นำเกาหลีเหนือ ไปงานที่ไม่ได้เกี่ยวกับกิจกรรมกองทัพ
ก่อนหน้านี้ มีการเผยแพร่ภาพบุตรสาวผู้นำเกาหลีเหนือ ที่สื่อของทางการมักใช้คำเรียกว่า “ลูกสาวที่รัก” ปรากฏกายเคียงข้างบิดาในงานของกองทัพหลายงาน
สื่อของทางการไม่ได้ระบุชื่อบุตรสาวผู้นำ แต่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเกาหลีใต้เชื่อว่าชื่อ “จู แอ” ซึ่งเดนนิส รอดแมน อดีตนักบาสเกตบอลอเมริกัน อ้างว่ามีโอกาสพบ ตอนเดินทางไปเป็นแขกของครอบครัวคิมเมื่อปี 2556
ส่วนคิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำเกาหลีเหนือ ก็ไปชมการแข่งขันกีฬาเช่นกัน โดยนั่งอยู่แถวหลัง
สื่อของทางการยังรายงานว่า ผู้ไปร่วมงานแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าจะทำให้ปีนี้ เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่สำหรับเส้นทางด้านการพัฒนาของประเทศ
อุตสาหกรรมหรูเล็งบุกตลาดจีนหลังเปิดประเทศ
สินค้าหรูหราเล็งขยายตัวต่อเนื่อง หลังทำยอดขายและกำไรเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว สวนทางสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก เล็งเป้าหมายจีนเปิดประเทศหลังยุคโควิด
LVMH กลุ่มสินค้าหรูหรารายใหญ่สุดในโลก รายงานยอดขายพุ่งขึ้น 23% ไปอยู่ที่ระดับมากเป็นประวัติการณ์ 79.000 ล้านยูโร หรือกว่า 2 ล้านล้านบาท เมื่อปี 2565 ขณะกำไรเพิ่มขึ้น 17% เป็น 14,000 ล้านยูโร หรือกว่า 5 แสนล้านบาท
ส่วนยอดขายของ Hermes พุ่งขึ้น 29% ไปอยู่ที่ 11,600 ล้านยูโร และกำไรทะยาน 36% ไปอยู่ที่ระดับมากเป็นประวัติการณ์ 3,400 ล้านยูโร ผู้บริหาร Hermes ระบุว่าจำนวนคนเข้าร้านไม่ได้ลดลงเลย และยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้น 30.7% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น
ด้าน Kering เจ้าของแบรนด์ Gucci ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 15% ที่ 20,000 ล้านยูโร และกำไรเพิ่มขึ้น 14% ที่ 3,600 ล้านยูโร
ในทำนองเดียวกัน Ferrari มียอดขายมากเป็นประวัติการณ์ 5,000 ล้านยูโร หลังจากส่งมอบรถ 13,221 คันเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ หลังจากจีนยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิด มีการมองว่าตลาดจีนเป็นโอกาสของการเติบโตในปีนี้ หลังจากมาตรการคุมเข้มต่างๆ ทำให้การบริโภคอัดอั้นมานาน นักวิเคราะห์แห่งยูบีเอสชี้ว่า 2566 เป็นปีของผู้บริโภคจีน หลังจากมาตรการคุมเข้มช่วงโควิดทำให้สัดส่วนผู้บริโภคจีนในการใช้จ่ายสินค้าหรูหราของโลก ลดลงไปอยู่ที่ 17% เมื่อปีที่แล้ว เทียบกับ 33% เมื่อช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
ญี่ปุ่นเล็งออกวีซ่าดึงต่างชาติกระเป๋าหนัก
กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นประกาศว่าจะออกวีซ่าประเภทใหม่แก่ชาวต่างชาติ เพื่อดึงดูดผู้มีรายได้สูงและผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ หลังจากการแย่งชิงตัวแรงงานมีทักษะดุเดือดขึ้นทั่วโลก
ระบบใหม่ซึ่งจะจัดทำให้แล้วเสร็จในเดือนเม.ย. เรียกว่าระบบสำหรับคนทำงานมีทักษะสูงเป็นพิเศษ (J-Skip) และระบบสำหรับบุคลากรผู้สร้างสรรค์ในอนาคต (J-Find)
ผู้ได้วีซ่าแบบ J-Find ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างชาติ สามารถอยู่ในญี่ปุ่นได้ 2 ปีในช่วงที่หางานในญี่ปุ่น จากปัจจุบันที่อยู่ได้ 90 วัน ภายใต้เป้าหมายของการดึงดูดคนหนุ่มสาวที่มีศักยภาพสูง ซึ่งคาดว่าจะมีบทบาทมากในอนาคต โดยสมาชิกในครอบครัวสามารถติดตามบุคคลนี้มาได้ด้วย
ส่วน J-Skip ออกให้แก่นักวิจัย วิศวกร และผู้จัดการระดับสูง ซึ่งสามารถขอวีซ่าคนทำงานมีทักษะสูงได้ หากมีรายได้และประสบการณ์การทำงาน ถึงระดับที่กำหนด โดยนักวิจัยหรือวิศวกรต้องจบปริญญาโทขึ้นไป และมีรายได้ปีละ 20 ล้านเยน (ประมาณ 5 ล้านบาท) หรือมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 10 ปีและรายได้อย่างน้อยปีละ 20 ล้านเยน ส่วนผู้จัดการต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปีและรายได้อย่างน้อยปีละ 40 ล้านเยน
“เทสลา” เรียกคืนรถในสหรัฐ
สำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA) เปิดเผยว่า บริษัทเทสลาประกาศเรียกคืนรถยนต์ 362,000 คันในสหรัฐ เนื่องจากพบว่าซอฟต์แวร์ “Full Self-Driving Beta” หรือ FSD Beta อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชน
NHTSA ระบุว่า ซอฟต์แวร์ FSD Beta ของเทสลา ปล่อยให้รถขับเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด หรือขับผ่านสี่แยกในลักษณะที่ผิดกฎหมาย หรือคาดการณ์ไม่ได้ จนอาจเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุรถชน
มีรายงานข่าวว่าเทสลาจะอัปเดตซอฟต์แวร์ดังกล่าวแบบ OTA โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และเทสลาเปิดเผยว่ายังไม่มีรายงานอุบัติเหตุหรือการเสียชีวิตจากปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ รถเทสลาที่ถูกเรียกคืนจะรวมถึง Model S ปี 2559-2566, Model X, Model 3 ปี 2560-2566 และ Model Y ปี 2563-2566 ทั้งหมดที่มีซอฟต์แวร์ FSD Beta หรือที่กำลังจะติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าว