ประธานาธิบดีทรัมป์ มั่นใจว่าจะรอดพ้นจากการถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในขั้นวุฒิสภา เนื่องจากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติถอดถอน
การเคลื่อนไหวล่าสุดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มาจากการแถลงการ์ของทำเนียบขาว หลังจากสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่าเขาไม่ได้กระทำผิดจนถึงขั้นต้องถูกถอดถอนโดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และเชื่อมั่นว่า เขาจะรอดพ้นจากการถูกถอดถอนในการพิจารณาของวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก
“ประธานาธิบดีมีความมั่นใจว่าวุฒิสภาจะฟื้นฟูกระบวนการที่มีความสงบเรียบร้อย, ยุติธรรมและเหมาะสม ซึ่งทั้งหมดถูกเพิกเฉยในกระบวนการไต่สวนของสภาผู้แทนราษฎร โดยเขาพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป และมั่นใจว่า เขาจะรอดพ้นจากการถูกถอดถอนโดยสิ้นเชิง”
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ใน 2 ข้อหา คือ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส ส่งผลให้ปธน.ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐรายที่ 3 ที่ถูกสภาคองเกรสพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง
สภาฯใช้เวลาในการอภิปรายเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนลงมติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ในข้อหาแรก คือ การใช้อำนาจในทางมิชอบ โดยลงมติด้วยคะแนนเสียง 230 ต่อ 197 เสียง และมีมติด้วยคะแนนเสียง 229 ต่อ 198 ในข้อหาที่สอง คือการขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของประธานาธิบดีทรัมป์ในการเลือกตั้งในปีหน้า