บริษัทสัญชาติจีนที่ตกเป็นเป้าหมายถูกขึ้นบัญชีดำโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมฟ้องกลับสหรัฐฯ หลังจาก Xiaomi ได้รับการถอดถอนชื่อออกจากบัญชีดำ เนื่องจากผู้พิพากษาศาลแขวงวอชิงตันชี้ว่าไม่พบหลักฐานความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศตามที่ตกเป็นข่าว
ความพยายามในการขึ้นบัญชีดำบริษัท Xiaomi ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และการบังคับให้นักลงทุนชาวอเมริกันขายหุ้นในบริษัท Xiaomi ทั้งหมดก่อนกำหนดเส้นตาย ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทลดลงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และทำให้ราคาหุ้นของบริษัท Xiaomi ลดลงถึง 9.5% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ผู้พิพากษารูดอล์ฟ คอนเทรราส ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ทำผิดพลาดอย่างมหันต์ที่สั่งขึ้นบัญชีดำบริษัท Xiaomi ด้วยเกณฑ์หลักเพียงสองข้อ คือ การพัฒนาเทคโนโลยี 5G และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเทคโนโลยีดังกล่าวมีความสำคัญต่อการปฏิบัติการทางทหารสมัยใหม่ และการมอบรางวัลให้กับนายเหลย จุน ซีอีโอของ Xiaomi จากองค์กรแห่งหนึ่งเพื่อช่วยลดกำแพงอุปสรรคในการทำงานระหว่างภาคการพาณิชย์และการทหารลง
ผู้พิพากษาคอนเทรราส ชี้ว่า เทคโนโลยี 5G และ AI กำลังกลายเป็นมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคทั่วไป และมีผู้ประกอบการกว่า 500 รายที่ได้รับรางวัลประเภทเดียวกับนายเหลย ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกแต่อย่างใด
หุ้นส่วนบริหารของบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย Steptoe & Johnson และบริษัท Hogan Lovells ชี้ว่าบริษัทสัญชาติจีนจำนวนหนึ่งซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ในขณะนี้ ได้หารือกับบริษัทที่ปรึกษากฎหมายทั้งสองแห่ง หลังจากที่ผู้พิพากษาคอนเทรราสมีคำสั่งถอดถอนชื่อบริษัท Xiaomi ออกจากบัญชีดำ
โดยต้องการฟ้องร้องเกี่ยวกับกรณีการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก และล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่ายังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการใดๆ กับบริษัท Xiaomi ในขั้นต่อไป
บริษัท Xiaomi และบริษัทสัญชาติจีนจำนวน 43 แห่งถูกขึ้นบัญชีดำโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ โดยอ้างว่าเป็นบริษัทที่ถือกรรมสิทธิ์และควบคุมโดยกองทัพจีน
นอกจากนี้ อดีตประธานาธิบดียังได้ลงนามในคำสั่งบริหารซึ่งห้ามไม่ให้บุคคลชาวอเมริกันถือหุ้นในบริษัทเหล่านี้นับตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป บริษัทอื่นๆ ที่ถูกขึ้นบัญชีดำประกอบด้วย บริษัท Hikvision ผู้ให้บริการกล้องวิดีโอวงจรปิด บริษัท China National Offshore Oil Corp และบริษัท SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของจีน