11 แบงก์อัดฉีด 3 หมื่นล้านดอลล์อุ้ม”เฟิร์สท์ รีพับลิก”
เฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (First Republic Bank) หรือเอฟอาร์บี ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐที่เผชิญวิกฤติความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและลูกค้า จะได้รับเงินอัดฉีด 30,000 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มธนาคารใหญ่สุดของสหรัฐ 11 แห่ง อย่างเจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิตี้กรุ๊ป และทรุสต์
กลุ่มธนาคารยักษ์ใหญ่ระบุว่าการอัดฉีดเงินครั้งนี้สะท้อนความเชื่อมั่นในเอฟอาร์บีและธนาคารทุกขนาด พร้อมเสริมว่าธนาคารระดับภูมิภาค ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก มีความสำคัญต่อระบบการเงินสหรัฐ
ทั้งนี้ เงินก้อนดังกล่าวจะทำให้เอฟอาร์บีมีเงินสดมากพอรองรับการถอนเงินของลูกค้า และเสริมความเชื่อมั่นในระบบธนาคารสหรัฐ
เผย”เยลเลน”ประชุมลับซีอีโอแบงก์
มีรายงานว่าเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เข้าพบเป็นการส่วนตัวกับเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกนเชส ก่อนที่ธนาคาร 11 แห่งจะตกลงฝากเงิน 30,000 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างเสถียรภาพให้เอฟอาร์บี โดยเยลเลนได้ขับเคลื่อนความพยายามในส่วนของภาครัฐ ส่วนไดมอนเป็นแกนนำในความพยายามระดมความช่วยเหลือจากบรรดาผู้บริหารภาคธนาคาร จนนำไปสู่การอัดฉีดเงินฝาก
การเคลื่อนไหวครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญในการสร้างเสถียรภาพด้านฐานเงินฝาก ทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงตลาดเงินเกี่ยวกับระบบธนาคารและระบบการเงินของสหรัฐ
ด้านกระทรวงการคลังสหรัฐยินดีกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ อันสะท้อนถึงความสามารถในการฟื้นคืนของระบบธนาคาร
อีซีบีเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย เมินวิกฤตินาคาร
ธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% แม้ตลาดหุ้นดิ่งลงก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในระบบธนาคาร และนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ติดต่อกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3%
อีซีบีระบุว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับ และกำลังจับตาสถานการณ์ในตลาดอย่างใกล้ชิด โดยพร้อมใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาและระบบการเงิน อย่างไรก็ตาม อีซีบีชี้ว่าภาคธนาคารในยูโรโซนมีความยืดหยุ่นและสามารถฟื้นตัวได้เร็ว เพราะมีเงินทุนและสภาพคล่องแข็งแกร่ง อีกทั้งอีซีบียังมีเครื่องมือเชิงนโยบายในการสนับสนุนสภาพคล่องให้ระบบการเงิน เพื่อให้นโยบายการเงินดำเนินไปอย่างราบรื่น
ประธานอีซีบี กล่าวก่อนหน้านี้ว่าจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย เพื่อให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมาย 2% จาก 8.5% ในเดือนก.พ.
ชี้ภาวะตื่นตระหนก”เครดิต สวิส”ไม่สมเหตุผล
อัมมาร์ อัล คูแดรี ประธานธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ หรือเอสเอ็นบี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิต สวิส ระบุว่าภาวะปั่นป่วนในตลาดหุ้นผลพวงจากปัญหาเครดิต สวิสนั้น เป็นเรื่องที่ “ไม่สมเหตุสมผล” และหากมองไปที่การปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร จะพบว่าผู้คนเพียงแค่หาข้ออ้างเท่านั้น
ทั้งนี้ หุ้นเครดิต สวิสร่วงลงเมื่อวันพุธ (15 มี.ค.) หลังจากเอสเอ็นบีระบุว่าไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินต่อเครดิต สวิส เนื่องจากจะทำให้เอสเอ็นบีถือหุ้นในเครดิต สวิสมากกว่า 10% ซึ่งผิดกฎระเบียบธนาคาร
คูแดรีเสริมว่า เหตุการณ์ธนาคารล้มในสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใกล้เคียงกับวิกฤตการเงินปี 2551 เพราะการที่หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบของสหรัฐ เข้าไปปกป้องผู้ฝากเงิน ช่วยสยบกระแสวิตกว่าวิกฤตการณ์จะบานปลาย
เวียดนามผ่อนกฎวีซ่า ดึงนักท่องเที่ยว
นายฟาม มินห์ ชินห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม สั่งให้เจ้าหน้าที่ผ่อนปรนข้อกำหนดด้านวีซ่าบางประการ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น เสนอให้มีการยกเว้นวีซ่ามากขึ้น เพิ่มระยะเวลาพำนักสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยค่าธรรมเนียมที่สมเหตุผล และขยายโครงการวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ความยากลำบากในการขอวีซ่าท่องเที่ยว เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เวียดนามประสบปัญหาในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในปีที่ผ่านมาเวียดนามมีนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยกว่า 3.7 ล้านคน
ทั้งนี้ เวียดนามได้ยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจาก 13 ประเทศ โดยแบ่งเป็น 11 ประเทศในยุโรป และ 2 ประเทศในเอเชีย ซึ่งสามารถพำนักในเวียดนามได้ 15 วัน ขณะที่นักท่องเที่ยวจาก 9 ประเทศในอาเซียนสามารถพำนักในเวียดนามโดยไม่ต้องมีวีซ่า 30 วัน