ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางเยือนเมียนมาเป็นครั้งแรกในฐานะผู้นำจีน และเป็นประธานาธิบดีของจีนในรอบ 19 ปีที่เดินทางเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังเป็นการเยือนในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์จีน-เมียนมา 70 ปี ซึ่งประธานาธิบดีสี หวังที่จะสานความสัมพันธ์ให้แนบแน่นมากขึ้น
ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่าการเดินทางเยือนเมียนมาของผู้นำจีนในครั้งนี้ เป้าหมายสำคัญคือการฟื้นโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่านับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับเมียนมา เพื่อต่อเชื่อมเข้ากับ โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือ เส้นทางสายไหมใหม่ในศตวรรษที่ 21
ประธานาธิบดีสี เตรียมลงนามสัญญาก่อสร้างโครงสร้างเมกะโปรเจคท์ 5 โครงการ
1. ท่าเรือน้ำลึกรัฐยะไข่ ที่เมืองจ้าวผิว มูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นทางออกสู่มหาสมุทรอินเดียของจีน นอกจากนี้พื้นที่โดยรอบจะถูกปรับให้เป็นโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และตั้งเป้าสร้างงานให้ชาวยะไข่ 4 แสนตำแหน่ง
2. รถไฟความเร็วสูง เชื่อมจากมณฑลยูนนานของจีน ไปสู่ชายฝั่งทางฝั่งตะวันตกของเมียนมา
3. พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ บริเวณพรมแดนรัฐฉาน 3 แห่ง ซึ่งจะเป็นการสร้างงานและลดปัญหาความวุ่นวายตามบริเวณชายแดน
4. พัฒนานครย่างกุ้ง ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ โดยสร้างเมืองขึ้นใหม่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำในเมือง
5. โครงการเขื่อนมิตโสน มูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังผลิตไฟฟ้า 6,000 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ในโครงการต่างๆ เหล่านี้ มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมและประโยชน์ที่เมียนมาจะได้รับ
จีนเป็นประเทศผู้ลงทุนใหญ่เป็นอันดับสองของเมียนมา รองจากสิงคโปร์ นอกจากนี้จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดในการส่งออกของเมียนมา โดยในปี 2018 มีมูลค่าส่งออกสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะมูลค่าการนำเข้าจากจีนอยูู่ที่ 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ