กระทรวงยุติธรรม-ก.ล.ต.สหรัฐตรวจสอบเอสวีบีล้ม
มีรายงานข่าวว่ากระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ กำลังตรวจสอบกรณีการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ หรือเอสวีบี ซึ่งอยู่ในเครือเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ที่ยุติการดำเนินงานแล้ว
การสอบสวนครั้งนี้ รวมถึงการตรวจสอบการขายหุ้นของเหล่าผู้บริหารเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ในช่วงไม่กี่วันก่อนเอสวีบีล้มละลาย โดยอัยการแผนกคดีฉ้อโกงของกระทรวงยุติธรรมจะมีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วย
ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว ผู้ถือหุ้นได้ฟ้องเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ปและผู้บริหาร 2 คน โดยกล่าวหาว่าปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลต่อการดำเนินงานของธนาคาร ล่าสุดผู้ถือหุ้นของซิกเนเจอร์ แบงก์ ยื่นฟ้องธนาคารและอดีตผู้บริหาร 3 คนเช่นกัน ว่าอ้างอย่างผิดๆ ว่าฐานะการเงินแข็งแกร่ง จากนั้นเพียง 3 วันก็ถูกสั่งปิด
เฟดเตรียมเข้มงวดกฎธนาคารขนาดกลาง
ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด กำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่ที่จะใช้กับธนาคารขนาดกลาง ซึ่งเป็นขนาดใกล้เคียงกับเอสวีบี โดยอาจขยายข้อจำกัดที่ปัจจุบันใช้กับบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นเท่านั้น การแก้ไขครั้งนี้อาจนำไปสู่การคุมเข้มกฎระเบียบสำหรับบริษัทที่มีทรัพย์สินระหว่าง 1 แสนล้านดอลลาร์ไปจนถึง 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทเหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อบังคับที่เข้มงวด
เฟดเสริมว่าอาจพิจารณามาตรการต่างๆ เพิ่มเติมสำหรับการทดสอบภาวะวิกฤตประจำปีด้วย
การเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นขณะผู้กำหนดนโยบายกำลังรับมือผลกระทบจากวิกฤตธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ และธนาคารซิกเนเจอร์ รวมถึงกระแสความกังวลเกี่ยวกับระบบธนาคาร โดยเฟดได้มอบหมายให้รองประธานฝ่ายกิจการกำกับดูแล เป็นผู้นำในการทบทวนเกี่ยวกับการกำกับดูแลเอสวีบี และจะมีการแถลงในวันที่ 1 พ.ค.
มูดีส์เล็งหั่นเครดิต 6 แบงก์สหรัฐ
มูดีส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ กำลังพิจารณาที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ 6 แห่ง ได้แก่ เฟิร์สต์ รีพับลิก แบงก์ (First Republic Bank), ไซออนส์ (Zions), เวสต์เทิร์น อลิอันซ์ (Western Alliance), โคเมริกา (Comerica), ยูเอ็มบี ไฟแนนเชียล (UMB Financial) และอินทรัสต์ ไฟแนนเชียล (Intrust Financial) ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับสภาพเงินทุนที่ผันผวนอย่างหนักสำหรับธนาคารสหรัฐบางแห่ง ที่มีความเสี่ยงต่อการไหลออกของเงินฝากซึ่งไม่ได้รับการค้ำประกัน
ขณะเดียวกัน มูดีส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของซิกเนเจอร์ แบงก์ ลงสู่ระดับ “C” ซึ่งเป็นระดับขยะ (junk) หลังจากธนาคารถูกสั่งปิดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนั้น มูดีส์ ยังปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของระบบธนาคารสหรัฐ จาก “มีเสถียรภาพ” สู่ “เชิงลบ”
“เมตา”มีแผนปลดพนักงานอีกหมื่นคน
เมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก มีแผนปลดพนักงานอีก 10,000 คน นับเป็นการลดงานครั้งใหญ่ระลอกสองที่ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีแห่งนี้ประกาศออกมาในช่วง 4 เดือน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว เมตาประกาศปลดพนักงาน 13% หรือ 11,000 ตำแหน่ง นับเป็นการลดงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊ก ระบุในโพสต์บนเฟซบุ๊กว่าการลดงานจะมีขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า โดยคาดว่าจะประกาศปรับโครงสร้างและลดงานในกลุ่มงานเทคโนโลยีช่วงปลายเดือนเม.ย. จากนั้นจะเป็นในกลุ่มภาคธุรกิจในปลายเดือนพ.ค.
นับถึงเดือนก.ย. 2565 เมตารายงานจำนวนพนักงาน 87,314 คน และปลดไปแล้ว 11,000 คนเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ล่าสุดประกาศแผนปลดอีก 10,000 คน อันจะทำให้จำนวนพนักงานลดลงประมาณ 25% เหลือประมาณ 66,000 คน
แชต”GPT-4″แค่ป้อนภาพก็ตอบคำถามได้
โอเพ่นเอไอ (OpenAI) เปิดตัวเอไอแชตบอตรุ่นล่าสุด ใช้ชื่อว่าจีพีที-4 (GPT-4) ที่สามารถตอบคำถามด้วยการอาศัยเพียงรูปภาพ โดยเมื่อมีการป้อนคำสั่งด้วยการใช้รูปวัตถุดิบในการทำอาหาร เช่น ไข่ แป้ง และนม พร้อมถามว่า “จะสามารถใช้วัตถุดิบเหล่านี้ประกอบอาหารชนิดใดได้บ้าง” GPT-4 ก็สามารถแนะนำชื่ออาหารได้หลายชนิด รวมถึงเขียนคำบรรยายภาพและคำบอกเล่า นอกจากนั้น GPT-4 ยังสามารถประมวลผลข้อมูลได้สูงสุด 25,000 คำ หรือสูงกว่า ChatGPT รุ่นก่อน ถึงประมาณ 8 เท่า
เบื้องต้น GPT-4 จะเปิดให้ผู้ใช้บริการแชตจีพีที พลัส (ChatGPT Plus) ใช้งานเป็นอันดับแรก โดยผู้ใช้บริการ ChatGPT Plus ต้องเสียค่าสมาชิก 20 ดอลลาร์หรือราว 691 บาทต่อเดือน
