รัสเซียเสนออาเซียนใช้เงินท้องถิ่นทำการค้า แทนดอลลาร์
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สื่ออินโดนีเซียระหว่างเข้าร่วมการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ขอให้รัสเซียกับอาเซียนเริ่มหารือเกี่ยวกับการใช้สกุลเงินของแต่ละประเทศแทนดอลลาร์ในการทำการค้า โดยรัสเซียมีหลายสิ่งที่พร้อมเสนอสำหรับประเทศในเอเชียแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย เพราะรัสเซียเป็นผู้จัดหาระดับแนวหน้าในด้านอาหาร น้ำมัน ก๊าซ และแร่ธาตุหายาก
การส่งออกสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ของรัสเซีย หรือ 60% เป็นการส่งมาประเทศในเอเชีย และปีที่ผ่านมาการค้าของรัสเซียกับคู่ค้าต่างประเทศ รวมถึงประเทศในเอเชีย เติบโตขึ้นหลายเท่า นอกจากนั้น รัสเซียยังกำลังพัฒนาคลัสเตอร์ด้านไฮเทค ซึ่งได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
ลาฟรอฟระบุว่ารัสเซียเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศชั้นนำของโลกที่ปรับปรุงบริการภาครัฐให้เป็นดิจิทัล ทั้งยังประสบความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และการประดิษฐ์หุ่นยนต์ เทคโนโลยีควอนตัม ปัญญาประดิษฐ์ และสมาร์ทซิตี
ราคาข้าวส่อเค้าปรับตัวขึ้น เหตุอินเดียอาจแบนส่งออกข้าว
อินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังพิจารณาจำกัดการส่งออกข้าวส่วนใหญ่ในหลายๆ สายพันธุ์ โดยเป็นการดำเนินการที่อาจส่งผลให้ราคาอาหารหลักทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่กำลังกลับมา
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลอินเดียกำลังหารือถึงแผนการจำกัดการส่งออกข้าวทุกสายพันธุ์ที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ เพื่อบรรเทาความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้น ก่อนถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคต
หากอินเดียตัดสินใจห้ามส่งออกข้าวพันธุ์ที่ไม่ใช่บาสมาติ จะมีผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของประเทศประมาณ 80% และแม้การเคลื่อนไหวนี้อาจทำให้ราคาข้าวในอินเดียลดลง แต่ก็เสี่ยงที่จะส่งผลให้ราคาข้าวทั่วโลกสูงขึ้น
บริษัทแม่ยูนิโคล่ กำไรพุ่ง อานิสงส์ยอดขายในจีน
บริษัทฟาสต์ รีเทลลิง ซึ่งเป็นผู้บริหารร้านเสื้อผ้าแบรนด์ “ยูนิโคล่” ของญี่ปุ่น รายงานกำไรไตรมาส 3 มากเป็นประวัติการณ์ โดยกำไรจากการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนนับถึงเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 35% เป็น 110,300 ล้านเยน เนื่องจากธุรกิจในจีนฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 และบริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรตลอดทั้งปีสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 370,000 ล้านเยน
ฟาสต์ รีเทลลิงมีร้านยูนิโคล่ 925 สาขาในจีน ซึ่งมากกว่าในญี่ปุ่น และทำให้จีนกลายเป็นตลาดค้าปลีกที่สำคัญซึ่งได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดที่เข้มงวดเกี่ยวกับโควิดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ผลประกอบการล่าสุดสะท้อนถึงการกลับมาอีกครั้งของตลาดจีน ขณะเดียวกันบริษัทก็เผชิญสภาพตลาดที่ท้าทายในบ้านเกิดคือญี่ปุ่น ซึ่งเงินเยนกำลังอ่อนค่าและกระทบส่วนต่างกำไร อีกทั้งผู้บริโภคยังอ่อนไหวต่อการปรับขึ้นราคาสินค้า
ยูเอ็นเตือนหนี้สาธารณะทั่วโลกสูงเป็นประวัติการณ์
เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า หนี้สาธารณะทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 92 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อปี 2565 เนื่องจากบรรดารัฐบาลได้ทำการกู้ยืมเพื่อรับมือวิกฤตต่างๆ เช่น การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาต้องแบกรับภาระหนี้อย่างมาก
รายงานระบุว่า หนี้ในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่าในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา แซงหน้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 3 เท่านับตั้งแต่ปี 2545
ประเทศกำลังพัฒนาเป็นหนี้เกือบ 30% ของหนี้สาธารณะทั่วโลก โดยจีน อินเดีย และบราซิล มีหนี้รวมกันคิดเป็นสัดส่วน 70% ของหนี้สาธารณะทั้งหมดทั่วโลก ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา 59 ประเทศมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงกว่า 60%
ยูเอ็นชี้ว่า ระบบการเงินระหว่างประเทศทำให้ประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ไม่เพียงพอและมีค่าใช้จ่ายสูง โดยประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่กว่า 50 ประเทศ มีภาระชำระหนี้ดอกเบี้ยสุทธิสูงกว่า 10% ของรายได้ อย่างในแอฟริกา ที่จำนวนเงินที่ใช้ในการชำระดอกเบี้ยสูงกว่างบด้านการศึกษาหรือสาธารณสุข
ออสเตรเลียตั้งผู้ว่าการธนาคารกลางหญิงคนแรก
รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียประกาศแต่งตั้งผู้หญิงขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางเป็นครั้งแรก โดยมิเชล บูลล็อก รองผู้ว่าการธนาคารกลาง จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียคนใหม่เป็นเวลา 7 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. เมื่อผู้ว่าการคนปัจจุบันครบวาระการดำรงตำแหน่ง

ทั้งนี้ รัฐบาลเผชิญแรงกดดันไม่ให้ต่ออายุผู้ว่าการธนาคารกลางคนปัจจุบันออกไปอีกสมัย หลังจากผู้ว่าการคนนี้เคยสนับสนุนให้ประชาชนกู้ยืมเมื่อปี 2564 ด้วยการระบุว่าดอกเบี้ยไม่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นจนกว่าจะถึงปี 2567 แต่ปรากฎว่าเริ่มมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วงกลางปี 2465 และนับจากนั้นธนาคารกลางได้เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 12 ครั้งจนอยู่ในสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 4.1% อันทำให้ผู้คนมีภาระเพิ่มขึ้นในการชำระสินเชื่อเพื่อการจดจำนองในช่วงที่ครัวเรือนต่างๆ ต้องแบกรับค่าครองชีพที่สูงขึ้น