ราคาน้ำมันในตลาดโลกขยับขึ้นจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่โอเปกเดินหน้าลดกำลังการผลิต
ราคาน้ำมัน WTI ขยับขึ้นเหนือ 58เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยฝ่ายแผนและบริหารบริษัทในเครือ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. แนวโน้มราคาน้ำมัน คาดว่าสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 62-67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบ NYMEX WTI อยู่ในกรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ Dubai จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเนื่องจากสถานการณ์การเมืองโลกทวีความตึงเครียด จากกรณีอังกฤษปฏิบัติการยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านบริเวณช่องแคบยิบรอลตาสัปดาห์ก่อน ล่าสุดผู้บัญชาการ Islamic Revolutionary Guard Corps (IRGC) ของอิหร่าน Twitter ว่าหากไม่ปล่อยเรือดังกล่าว อิหร่านจะตอบโต้โดยปฏิบัติการยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ ข้อพิพาทดังกล่าวอาจทำให้ค่าประกันภัยเรือและค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก
ทั้งนี้อังกฤษยังผ่อนผันมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน ตามข้อตกลงนิวเคลียร์ (Joint Comprehensive Plan Of Action: JCPOA) ระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจ 5 ชาติ ได้แก่ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, รัสเซีย, จีน
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากบริษัท Huges Hubbard & Read ในฝรั่งเศส มองว่า EU ส่งสัญญาณเตือนหากอิหร่านกระทำการขัดต่อข้อตกลงนิวเคลียร์ EU จะดำเนินการอย่างจริงจัง ประกอบกับอุปทานน้ำมันดิบจากกลุ่ม OPEC (14 ประเทศ) ลดลงโดยผลิตน้ำมันดิบต่ำสุดตั้งแต่ เม.ย. 57 ทำให้อัตราความร่วมมือ (Compliance Rate) ในการลดปริมาณการผลิตตามเป้าหมายของกลุ่ม OPEC (ยกเว้นอิหร่าน เวเนซุเอลา และลิเบีย) ในเดือน มิ.ย. 62 อยู่ที่ 156 % เพิ่มขึ้นจาก พ.ค. 62 ที่ 96 %
ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 30-31 ก.ค. 62 ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Donald Trump กดดันต่อเนื่อง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยด้าน
ปัจจัยกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
· นักลงทุนกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มยืดเยื้อหลังจีนต้องการให้สหรัฐฯ ยุติการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมดเมื่อบรรลุข้อตกลง ซึ่งไม่สอดคล้องกับจุดยืนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ประกาศคงมาตรการเก็บภาษีต่อไปสักระยะ เพื่อเป็นหลักประกันให้จีนปฏิบัติตามสัญญา จุดยืนที่แตกต่างส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายต้องใช้เวลาในการเจรจา
· Energy Information Administration (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. 62 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 246,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 12.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้การใช้เทคโนโลยี Fracking ผลิต Shale ส่งเสริมให้สหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ อาทิแหล่งผลิต Permian Basin ในรัฐ Texas ผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 11,000 บาร์เรลต่อวัน (มาอยู่ที่ 4.97 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
· Reuters รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซีย เดือน มิ.ย. 62 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 40,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 11.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามยังต่ำกว่าข้อตกลงกับกลุ่ม OPEC ที่ 11.18 ล้านบาร์เรลต่อวัน
· InterContinental Exchange (ICE) รายงานสถานะการลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ Brent ในตลาดลอนดอน สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ค. 62 กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับสถานะถือครองสุทธิ (Net Long Position) ลดลง จากสัปดาห์ก่อน 6,748 สัญญา อยู่ที่ 248,006 สัญญา
ราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
· วันที่ 4 ก.ค. 62 สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศมหาอำนาจ กับอิหร่านลุกลามหลังนาวิกโยธินอังกฤษถูกส่งมาให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในยิบรอลตาร์ ปฏิบัติการบุกยึดเรือบรรทุกน้ำมัน (Very Large Crude Oil Carrier หรือ VLCC) “Grace1” ของอิหร่าน บรรทุกน้ำมันดิบ 2 ล้านบาร์เรล ที่บริเวณช่องแคบยิบรอลตาร์ ขณะมุ่งหน้าไปยังประเทศซีเรีย โทษฐานที่อิหร่านละเมิดมติการคว่ำบาตรซีเรียของสหภาพยุโรป
· รัฐบาลยิบรอลตาร์ ซึ่งเป็นดินแดนในอาณัติอังกฤษ แถลงศาลได้ออกคำสั่งให้กักเรือบรรทุกน้ำมันดิบของอิหร่านเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสอบสวนลูกเรือ 28 ราย ในฐานะพยาน โดยจะหาต้นทางและปลายทางเรือ ทั้งนี้เอกสารระบุว่าเป็นน้ำมันจากอิรัก
· Baker Hughes Inc. รายงานจำนวน Rig ขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ค. 62 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 5 แท่น มาอยู่ที่ 788 แท่น เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์
· การประชุม OPEC ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 62 มีมติขยายเวลามาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบออกไปอีก 9 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค. 62 – มี.ค. 63 โดยซาอุดิอาระเบียเห็นว่าการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับเดิม คือรวม 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพียงพอจะทำให้ตลาดน้ำมันโลกมีเสถียรภาพ