ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศลงนามในคำสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 จากบริษัท Pfizer และ Moderna รายละ 100 ล้านโดส รวมเป็น 200 ล้านโดส ตามที่ได้ปฏิญาณไว้เมื่อเดือนมกราคมว่าจะจัดการให้ชาวอเมริกันได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงเพิ่มมากขึ้น
วัคซีนที่รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งเพิ่มเติม 200 ล้านโดสนี้จะทำให้ยอดรวมของจำนวนวัคซีนที่สหรัฐฯ สั่งจากทั้งสองบริษัทเพิ่มเป็น 600 ล้านโดส จากเดิม 400 ล้านโดส โดยคณะทำงานของรัฐบาลได้มีการประกาศตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่ากำลังดำเนินการจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชากรสหรัฐฯ จำนวน 300 ล้านคนที่อยู่ในกลุ่มประชากรที่มีสิทธิรับวัคซีนอย่างทั่วถึง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการอนุมัติให้ใช้วัคซีนในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี
อ่าน : อียู ควบคุมส่งออก วัคซีนโควิด หลังการผลิตล่าช้า
นอกเหนือจากวัคซีนจากสองบริษัทที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้ทำสัญญาสั่งซื้อวัคซีนจากบริษัท Johnson & Johnson บริษัท AstraZeneca PLC และบริษัท Novavax Inc. รวมกันเป็นจำนวน 500 ล้านโดส แม้ว่าปัจจุบันวัคซีนจากทั้งสามบริษัทยังไม่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนวัคซีนของ Johnson & Johnson กำลังอยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติใช้งานเป็นการฉุกเฉิน
การจัดโครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลานับเดือน แต่ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่าบริษัท Pfizer และ Moderna ยืนยันว่าจะเร่งการจัดส่งวัคซีน ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ มีวัคซีนพร้อมสำหรับฉีดให้กับประชาชนจำนวน 300 ล้านคนภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้คณะทำงานของรัฐบาลชุดที่แล้วได้ระบุว่าจะมีวัคซีนเพียงพอและพร้อมใช้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยประธานาธิบดีไบเดน ชี้ว่าข้อมูลที่ไม่ตรงกันดังกล่าวเกิดจากการขาดการสื่อสารข้อมูลจากรัฐบาลชุดเก่าซึ่งไม่ได้เตรียมความพร้อมในการจัดหาวัคซีนอย่างเพียงพอตั้งแต่แรก
ขณะนี้รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำลังอยู่ระหว่างการแจกจ่ายวัคซีนให้กับรัฐต่างๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ และมีการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้ทราบถึงตัวเลขและตำแหน่งในการจัดสรรวัคซีนล่วงหน้าสามสัปดาห์เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเตรียมแผนการดำเนินงานได้อย่างเหมาะสม โดยสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกที่มีการเพิ่มจำนวนการแจกจ่ายวัคซีนเป็น 11 ล้านโดสต่อสัปดาห์
