อังกฤษตั้งผู้หญิงคนแรกนั่งหัวหน้าสำนักงานข่าวกรอง
อังกฤษแต่งตั้ง แอน คีสต์-บัตเลอร์ เป็นผู้อำนวยสำนักงานสื่อสารข่าวกรอง GCHQ นับเป็นสตรีคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ในประวัติศาสตร์ 104 ปี ภายใต้ภารกิจปกป้องประเทศจากการก่อการร้าย อาชาญกรไซเบอร์ และมหาอำนาจต่างชาติที่ประสงค์ร้าย คีสต์-บัตเลอร์จะเข้ารับหน้าที่เดือนพ.ค.ต่อจากเซอร์เจเรมี เฟลมมิง
GCHQ เป็นหน่วยงานหลักของอังกฤษในการสอดแนม และมีความใกล้ชิดกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ หน่วยงานความมั่นคงแคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งรู้จักในนาม “”Five Eyes”
ปัจจุบัน คีสต์-บัตเลอร์เป็นรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองในประเทศ (MI 5) ซึ่งเคยแต่งตั้งผู้หญิงขึ้นทำหน้าที่ผู้อำนวยการเมื่อปี 2535 จนเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบทให้จูดี เดนช์ รับบท “M” ในภาพยนตร์สายลับเจมส์บอนด์
“เยลเลน”สวนทางไอเอ็มเอฟ ชี้เศรษฐกิจสดใส
เจเนต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ แสดงท่าทีสวนทางการคาดหมายแง่ร้ายเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลก ด้วยการระบุว่าเธอจะไม่พูดในแง่ลบจนมากเกินไป หลังจากไอเอ็มเอฟออกคำเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
เยลเลนซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์และอดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ สวนทางมุมมองของไอเอ็มเอฟว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกค่อนข้างสดใสทีเดียว เพราะมีการคาดหมายว่าเงินเฟ้อจะลดลง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง และระบบการเงินโลกสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ดี
เยลเลนยอมรับว่ามีความเสี่ยงหลายอย่าง แต่ก็มีสัญญาณบวกอยู่ทั่วโลก โดยเศรษฐกิจสหรัฐกำลังไปได้ดี เงินเฟ้อลดลง ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง และไม่มีสัญญาณการหดตัวของสินเชื่อหลังจากธนาคารล้ม
ไอเอ็มเอฟเตือนผลกระทบภาคการเงิน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก พร้อมคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วง 5 ปีข้างหน้าที่ระดับ 3% ซึ่งต่ำสุดในรอบกว่า 30 ปี ส่วนในระยะสั้นได้คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2566 และ 2567 ที่ระดับ 2.8% และ 3% ตามลำดับ
ไอเอ็มเอฟระบุว่าเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ, ผลกระทบจากการทรุดตัวในภาคการเงิน, การชะลอตัวของตลาดแรงงาน และปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งรวมถึงการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน และการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป
ทำเนียบขาวเชื่อมั่นสัมพันธ์ฝรั่งเศส แม้ “มาครง” เอนเอียงหาจีน
โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวว่ายังเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับฝรั่งเศส หลังจากประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศส ตีตัวออกห่างจากนโยบายสหรัฐในประเด็นไต้หวัน และให้สัมภาษณ์สื่อฝรั่งเศสหลังการเยือนจีน พร้อมเตือนยุโรปว่าอย่าเป็น”ผู้ตาม”อเมริกา
มาครงระบุว่า ยุโรปไม่ควรถูกดึงเข้ามาพัวพัน ในการเผชิญหน้าอันตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐกรณีชะตากรรมของไต้หวัน สิ่งเลวร้ายที่สุดคือการคิดว่ายุโรปต้องกลายเป็นผู้ตามในประเด็นนี้ จากนั้นก็รับลูกจากวาระของสหรัฐและปฏิกิริยาตอบโต้ที่แรงเกินไปของจีน พร้อมกล่าวทำนองว่ายุโรปอาจเป็นมหาอำนาจที่ 3 ได้
ท่องเที่ยวฟื้นหนุนจีดีพีญี่ปุ่น
ศูนย์วิจัยเพื่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นเปิดเผยประมาณการว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่นเมื่อเดือนก.พ. ขยายตัว 1.8% จากเดือนม.ค. นับเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือนหลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว
ขัอมูลของทางการระบุว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในญี่ปุ่น 1.475 ล้านคนช่วงเดือนก.พ. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับก่อนเกิดโรคระบาด 57% นอกจากนั้น การส่งออกช่วงเดือนก.พ.ยังเพิ่มขึ้น เพราะจีนมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักอย่างต่อเนื่องหลังจากเทศกาลตรุษจีน ขณะเดียวกัน การบริโภคของภาคเอกชนและบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของจีดีพีญี่ปุ่น ก็ขยายตัว 0.9% โดยการเดินทางและออกมาทานอาหารนอกบ้าน ช่วยหนุนนำการเติบโต