สงครามการค้าสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อมาในช่วง 22 เดือนที่ผ่านมา ยังคงมีแนวโน้มที่จะอึมครึมและไม่ทำให้เกิดความเซอร์ไพรส์ใดๆหากจะจะยืดเยื้อไปจนถึงปลายปี 2020 หรือนานกว่านั้น
ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับลำส่งสัญญาณอาจจะมีหนทางชะงักในการใช้มาตรการตอบโต้ข้อพิพาทของทั้ง 2 ฝ่าย โดยประกาศพบปะกับทีมเจรจาของจีนวันศุกร์นี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าสหรัฐอาจทบทวนการขึ้นภาษีที่จะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า อาจจะเลื่อนออกไปอีกจนถึงเดือนธันวาคม
ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้เลื่อนมาตรการขึ้นภาษี 30% จาก 25% มูลค่า250,000 ล้านดอลลาร์ออกไป 15 วันในวันที่ 15 ตุลาคม โดยอาจจะเลื่อนออกไปเป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม
ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ระบุว่า การเจรจาการค้าในวันแรกระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีน เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้ข้อสรุปในประเด็นทั่วไป จึงเป็นสิ่งที่เห็นในขณะนี้ถึงการเจรจาเป็นไปด้วยดี
หลังจากที่การเจรจาระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนได้เริ่มขึ้นเป็นรอบที่ 13 ในวันพฤหัสบดี และจะมีการหารือกันต่อในวันศุกร์นำโดยหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ส่วนสหรัฐมีสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR)
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์จะพบปะกับหลิว เหอ ที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์ ทำให้มีความหวังที่ตอกย้ำว่า มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ บรรยากาศในวันแรกผ่อนคลายขึ้น จากข่าวที่ว่าสหรัฐจะยอมผ่อนผันให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐขายสินค้า และอุปกรณ์ที่ไม่อ่อนไหวที่จะกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐ ให้กับบริษัทหัวเว่ย ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดีดกลับมาบวกเกือบจะ 1% ในวันพฤหัสฯ หลังจากที่ช่วงต้นสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงถึง 3% โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่ดิ่งลงมากกว่า 800 จุด
สำหรับข้อเสนอของฝ่ายสหรัฐที่มีต่อจีน ประกอบด้วย 1.การซื้อสินค้าสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.ยุติการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 3.ให้เปิดรับการลงทุนต่างชาติ 4.ยุตินโยบายบังคับให้ต้องถ่ายโอนด้านเทคโนโลยี
โดยเฉพาะในเรื่องที่ 5. ยุติการ Subsidise เป็นข้อเรียกร้องที่เป็นหัวใจสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง เพราะมีรายงานข่าวว่า สหรัฐยังต้องการให้มีการทำข้อตกลง Currency Pack ที่ไม่เปิดโอกาสให้จีนได้ใช้นโยบายเงินหยวนอ่อนค่า เพื่อรักษาความได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐต่อไป
ส่วนข้อเสนอฝ่ายจีน คือ 1.จะยกเว้นการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นใน 16 รายการสินค้า จากมาตรการตอบโต้ของจีนที่เตรียมไว้ในการขึ้นภาษี 25-10% เป็นมูลค่า 185,000 ล้านดอลลสร์ 2.เปิดกว้างในตลาดการเงินที่เป็นเสรีมากขึ้น 3.พร้อมซื้อถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นจากปีละ 20 ล้านตัน เป็น 30 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 3,250 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หาการเจรจาในรอบนี้มีข้อตกลงกันได้ โดยจีนอาจจะชะลอแผนเรียกเก็บถาษีในอัตรา 15% ที่มีมูลค่า 160,000 ล้านดอลลาร์ ออกไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคม เช่นเดียวกับมาตรการของสหรัฐที่จะเลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์ ที่มีอัตรา 25% เป็น 30% ออกไปด้วย
ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งอยู่ในช่วงของการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนตัวลง เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งจะเปิดเผยในสัปดาห์หน้า คาดการณ์ว่า การค้าโลกที่ซบเซาลงนั้น จะส่งผลต่อจีดีพีโลกอ่อนแอลงถึง 0.8%หรือราวมูลค่า 700,000 ล้านดอลลาร์นั้น
ทางด้านองค์การการค้าโลก (WTO) ก็แสดงความเป็นห่วงต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับสหภาพยุโรปที่กำลังเริ่มต้นขึ้นจากกรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับเงินอุดหนุนของแอร์บัสที่มีมูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์ รวมถึงข้อพิพาทภาคอุตสาหกรรมรถเยนต์ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของสหรัฐในขณะนี้