สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญายุโรป มอง ยิ่งประชาชนสนับสนุนสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะทำให้อุตสาหกรรมเหล่านั้นค่อยๆตายลงไปอย่างช้าๆ พร้อมมองยิ่งเทคโนโลยีก้าวไกล คนร้ายที่ละเมิดลิขสิทธิ์ก็ยิ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านั้น ดังนั้นผู้บังคับใช้กฎหมายก็จำเป็นที่จะต้องก้าวให้ทันกับเทคโนโลยีด้วย
นายติอาโก เกียเรอิโร หัวหน้าโครงการ ไอพี คีย์ เซาท์อีสต์เอเชีย(IPKey South-east Asia) ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมความรู้-ความเข้าใจทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้สำนักงานดูแลทรัพย์สินทางปัญญาของสหภาพยุโรป ระบุว่า ปัจจุบันเราพูดถึงสินค้าเป็นลิขสิทธิ์ซึ่งสร้างมูลค่าความเสียหายมากมายและทำให้บริษัทต่างๆจำเป็นต้องทุ่มเทเงินมากมายเพื่อป้องกันไม่ให้ลิขสิทธิ์ของเขาถูกละเมิด แทนที่จะนำมาวิจัย-พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และที่สำคัญสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ราคาถูก อาจเกิดอันตรายกับเด็กในประเภทของเล่น เพราะคุณภาพย่อมไม่เท่ากับสินค้าถูกลิขสิทธิ์
ขณะเดียวกันในส่วนของเพลงและภาพยนตร์ หากไม่มีการซื้อสินค้าเหล่านั้นก็จะทำให้ผู้ผลิตขาดทุนและทำให้สิ่งเหล่านั้นหายไปจากสังคม เพราะอุตสหกรรมเพลงและภาพยนตร์อยู่ได้จากการเก็บค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งหากประชาชน สนับสนุนเพลงและภาพยนตร์ผิดลิขสิทธิ์ ก็เชื่อว่า สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆตายลงไปอย่างช้าๆ
ในฐานะสหภาพยุโรปที่เข้ามาสนับสนุนโครงการเพื่อสนับสนุนเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และลิขสิทธิ์ต่างๆ คือการเสริมสร้างความรู้ การพัฒนาทักษะต่างๆในการตรวจจับสินค้าผิดลิขสิทธิ์ต่างๆของผู้บังคับใช้กฏหมาย รวมถึงการนำความรู้ต่างๆจากสหภายุโรปในการจับตาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และเกี่ยวเนื่องกับการค้าขายเสรีกับสหภาพยุโรป เพราะเมื่อค้าขายกับสหภาพยุโรปก็ต้องมาพร้อมกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้กับสหภาพยุโรปในอาเซียนด้วย
หากมองในฐานะผู้บังคับใช้กฏหมาย ทำอย่างไรให้ บริษัทของสหภาพยุโรปสามารถนำทรัพย์สินทางปัญญามาลงทุนในอาเซียนได้อย่างเสรีและไม่ถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงบริษัทจากอาเซียนก็สามารถที่จะก้าวข้ามไปสู่ยุโรปได้โดยไม่ถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หน่วยงานบังคับใช้กฏหมายก็จะต้องมีการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนที่จะป้องกันสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะเข้ามาสร้างปัญหาให้กับระบบเศรษฐกิจ และทำให้บริษัทเหล่านี้ จะสามารถขยายตลาดและนำเงินไปพัฒนาส่วนอื่นๆของสังคมได้ ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์เองก็ต้องเข้ามาให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบสินค้าที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาอย่างทุกต้อง ซึ่งปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก ผู้บังคับใช้กฏหมายเองก็ต้องรู้เท่าทันสินค้าปลอมเช่นกัน
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือถ้าประเทศใด ที่มีหลักทรัพย์สินทางปัญญาที่ดี บริษัทเหล่านั้นก็จะมาลงทุน จากการศึกษาเรื่องเครื่องหมายการค้า พบว่า ในประเทศไทยไทย บริษัทที่ถือลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาที่มาลงทุนในไทย ส่งเสริม GDP ในประเทศไทยถึงร้อยละ 20 และส่งเสริมการสร้างงาน-รายได้ถึงร้อยละ 30 นั่นหมายความว่าในสหภาพยุโรป บริษัทที่มีทรัพย์สินทางปัญยาเยอะ ก็จะมีเงินลงทุนเยอะหากทุกภาคส่วนเคารพในลิขสิทธิ์เหล่านั้น และถ้าไม่มีระบบคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่ดีก็จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศนั้นๆด้วย
นายติอาโก มองว่า “ประเทศไทยยังมีอีกหลายจุดที่สามารถพัฒนาเรื่องลิขสิทธิ์ได้ และความท้าทายหนึ่ง คือ สินค้าผิดลิขสิทธิ์เติบโตเร็ว ซื้อ/ขายได้ง่ายเพราะมาราคาที่ถูกกว่าของถูกลิขสิทธิ์ รวมถึงเมื่อก้าวไปสู่โลกดิจิทัล ก็ทำให้จับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ยากขึ้นเช่นกัน และมองว่าการตรวจสอบสินค้าออนไลน์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งตำรวจเองก็ยังมีช่องทางอีกมากมายที่พัฒนาการตรวจสอบหาผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะเมื่อเทคโนโลยีก้าวไกล คนร้ายก้าวตาม ตำรวจก็ต้องก้าวด้วย เพื่อตรวจจับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศ”
“ซึ่งหากทาง IP Key สามารถที่จะทำให้อาเซียนตื่นตัวถึงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้นก็จะดึงดูดบริษัทต่างๆของยุโรปเข้ามาในภูมิภาคนี้มากขึ้น ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราคือการสร้างความตื่นรู้ในสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์” นายติอาโก เกียเรอิโร หัวหน้าโครงการ ไอพี คีย์ เซาท์อีสต์เอเชีย(IPKey South-east Asia) กล่าว
สำหรับงาน IP Key SEA “IP Enforcement week” ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 9 – 13 กันยายน 2562 เป็นงานที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของสหภาพยุโรปและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมีกลุ่มเป้าหมายเพื่อกำหนดนโยบายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา , หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา และผู้ถือประโยชน์ในทรัพย์สินทางปัญญาและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยภายหลังจากการประชุมสัมมนา ในสัปดาห์นี้ก็จะมีการจัดการประชุมเรื่อง “การบริหารจัดการรวมลิขสิทธิ์และสิทธิเกี่ยวข้องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (Conference on collective management of Copyright and relate right in South-East Asia) ในวันที่ 18-19 กันยายนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย
