ญี่ปุ่นวอนคนไปเมืองนอก กระตุ้นการบิน-ท่องเที่ยว
สำนักงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่นขอให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของสายการบินและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หลังจากความต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่ฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 อย่างเต็มที่ ในส่วนของสำนักงานการท่องเที่ยวจะมุ่งผลักดันการท่องเที่ยวไปยัง 24 ประเทศ รวมถึงสหรัฐและไทย
ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่มีการผ่อนคลายข้อจำกัดพรมแดนเมื่อปีที่แล้ว แต่ความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาด และเงินเยนที่อ่อนค่า เป็นปัจจัยขัดขวางชาวญี่ปุ่นในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
ข้อมูลระบุว่า ชาวญี่ปุ่นที่เดินทางออกนอกประเทศในเดือนมี.ค.อยู่ที่ 694,300 คน คิดเป็นเพียง 36% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. 2562 หรือก่อนโควิดระบาด สวนทางกับจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางมายังญี่ปุ่น ซึ่งฟื้นตัวขึ้นถึง 65.8%
คาดยอดนักท่องเที่ยวทั่วโลกปี 66 ทะลุ 1 หมื่นล้านคน
สหพันธ์เมืองท่องเที่ยวโลกและศูนย์วิจัยด้านการท่องเที่ยวของสถาบันสังคมศาสตร์แห่งจีน เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโลกปี 2566 ซึ่งระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศคาดว่าจะสูงแตะ 1.078 หมื่นล้านคน คิดเป็น 74.4% ของระดับปี 2562 ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวทั่วโลกจะสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยฟื้นตัวขึ้นแตะ 86.2% ของระดับในปี 2562
สำหรับเมื่อปีที่แล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่ที่ 9.57 พันล้านคน และรายได้จากการท่องเที่ยวทั่วโลกในปีที่แล้วสูงถึง 4.6 ล้านล้านดอลลาร์
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการท่องเที่ยวระบุว่า เศรษฐกิจการท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับการพัฒนาของเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนจะยังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการท่องเที่ยว
จีนจับคดีแรก ใช้แชตจีพีทีแพร่ข่าวปลอม
ชายคนหนึ่งในมณฑลกานซูของจีน ถูกจับในข้อหาใช้แชตจีพีที (ChatGPT) ซึ่งเป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เพื่อสร้างและเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถไฟชนกัน นับเป็นกรณีแรกที่ถูกจับภายใต้กฎหมายใหม่เกี่ยวกับเอไอ หลังจากจีนเข้มงวดเทคโนโลยี Deepfake ที่ใช้สร้างสื่อสังเคราะห์เพื่อปลอมแปลงลักษณะบุคคลต่างๆ
ข่าวปลอมที่อ้างว่ารถไฟชนกันทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน มีผู้คลิกเข้าไปอ่านกว่า 15,000 ครั้งหลังจากเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย
กฎหมายใหม่ที่จีนเริ่มใช้เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ห้ามใช้เทคโนโลยี Deepfake เพื่อผลิต และเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่จริง ภายใต้เป้าหมายของการสกัดกั้นการดัดแปลงคอนเทนต์ออนไลน์ด้วยเทคโนโลยี Generative AI หรือเอไอที่ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถในการ”สร้างใหม่”จากชุดข้อมูลที่มีอยู่
กูเกิลขึ้นป้าย”รูปปลอม” แยกแยะรูปพัฒนาโดยเอไอ
กูเกิลจะฝังข้อมูลที่เรียกว่า “markup” ภายในรูปที่พัฒนาโดยโมเดลปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) เพื่อให้คนทั่วไปทราบว่าพัฒนาขึ้นมาโดยคอมพิวเตอร์ อีกทั้งกูเกิลยังจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปภาพทั้งหมดที่ขึ้นมาในการค้นหาแต่ละครั้ง เพื่อช่วยป้องกันการหลอกลวง รวมถึงข้อมูลที่ระบุว่าภาพนั้นๆ มีการอัปโหลดเข้ามาในกูเกิลครั้งแรกเมื่อไรและมีการอ้างถึงจากเว็บไซต์ข่าวหรือไม่
การเคลื่อนไหวนี้นับเป็นความพยายามครั้งสำคัญสุดของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ในการระบุและแยกแยะผลงานจาก Generative AI หลังจากบรรดาเจ้าหน้าที่และผู้คนในแวดวงเทคโนโลยีเตือนว่าศักยภาพของเทคโนโลยีในการสร้างภาพหรือข้อความที่เหมือนจริง อาจกลายเป็นเครื่องมือของพวกสแปมเมอร์ พวกฉ้อโกงออนไลน์ และนักโฆษณาชวนเชื่อ ในการหลอกลวงผู้คน เหมือนกรณีการใช้แอป Midjourney สร้างภาพสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสทรงสวมแจคเกตกันหนาวแฟชั่น จนกลายเป็นไวรัลและบางคนคิดว่าเป็นภาพจริง
ผู้ผลิตลิเทียมออสซี่ผนวกคู่แข่งมะกัน ผงาดบ.หมื่นล้านดอลล์
บริษัท Allkem ผู้ผลิตลิเทียมรายใหญ่สุดรายหนึ่งของโลก ทำข้อตกลงผนวกกิจการกับบริษัท Livent ซึ่งเป็นคู่แข่งสัญชาติอเมริกัน อันเป็นสัญญานล่าสุดของการผนึกกำลังในภาคธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟู เพราะลิเทียมเป็นส่วนประกอบสำคัญในแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า
ข้อตกลงครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจที่เกิดจากการผนวกกิจการ 2 บริษัทมีมูลค่า 10,800 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังจะมีขนาดใหญ่อันดับ 4 ในอุตสาหกรรม และผลิตลิเทียม 7% ของปริมาณลิเทียมโลก
การเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นขณะที่สหรัฐกับออสเตรเลียพยายามลดการพึ่งพาจีน ในการจัดหาแร่ธาตุสำคัญๆ