แม้ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ แต่พอได้เห็นขวดพลาสติกลอยเกลื่อนทะเล Jaden Smith ก็คิดว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว จึงตัดสินใจตั้งบริษัทที่พัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบยั่งยืนแทนพลาสติก
พ่อแม่ของเขาคือนักแสดงชื่อดังอย่าง Will Smith และ Jada Pinkett Smith สนับสนุนลูกชายเต็มที่ นำไปสู่การก่อตั้งบริษัท JUST Water เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เพื่อขายน้ำที่บรรจุในกล่องทำจากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 82% ในเวลาไม่นานน้ำดื่มของหนุ่มน้อยเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภค ที่ตระหนักรู้มากขึ้นถึงผลกระทบของพลาสติกที่มีต่อสภาพแวดล้อม
มาในวันนี้ บริษัทของหนุ่มน้อยมีโรงงาน 3 แห่งในสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย และขายน้ำบรรจุกล่องใน 10 ประเทศ ขณะที่ในอเมริกาเหนือมีจุดขายปลีกกว่า 15,000 จุด ทั้งยังมีแผนขยายเข้าไปในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เร็วๆ นี้ รวมถึงญี่ปุ่นที่จะมีวางจำหน่ายในร้านค้ากว่า 20,000 แห่ง ไม่รวมถึงตามห้างอย่าง Target, Publix, CVS นอกจากนั้น ยังกำลังทำข้อตกลงเพื่อจัดหาน้ำให้อีเกียออสเตรเลียในช่วง 2 ปีหน้า
ทั้งหมดนี้ทำให้บริษัทน้ำดื่มน้องใหม่ของ Jaden Smith ซึ่งในวันนี้เป็นทั้งแรปเปอร์และนักแสดงด้วย มีมูลค่าแตะหลัก 100 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอของบริษัทแจกแจงว่าเมื่อปีที่แล้ว ธุรกิจขยายตัว 2 เท่า และเพิ่มเป็น 3 เท่าในปีนี้ รวมถึงปีหน้าก็คาดว่าจะโตได้ถึง 3 เท่า เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้บริโภคตระหนักรู้มากขึ้นถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลาสติก เลยทำให้ทั่วโลกผลักดันให้เลิกใช้ขวดพลาสติก ประกอบกับบริษัทเองก็มีกลยุทธ์การเติบโตเชิงรุกเช่นกัน
ธุรกิจที่ทำท่าจะขยายตัวแบบไม่หยุดหย่อน สะท้อนวิสัยทัศน์หรือการมองโลกของหนุ่มน้อย ว่าการทำธุรกิจน้ำดื่มอย่างยั่งยืนเป็นผลดีต่อโลก เพราะ 2 ปีหลังการก่อตั้ง JUST Water ก็ได้การรับรองว่าเป็นธุรกิจที่สร้างคุณประโยชน์แก่สังคม อีกทั้งบริษัทยังเคยส่งระบบกรองน้ำไปเมืองฟลินต์เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำปนเปื้อน รวมถึงส่ง food truck นำอาหารไปให้คนไร้บ้านด้วย ล่าสุดคือการจับมือกับ Allbirds เพื่อพัฒนารองเท้าผ้าใบอย่างยั่งยืน โดยรายได้ทั้งหมดมอบให้กองทุนป่าแอมะซอนของนักแสดงชื่อดัง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ
บริษัทยังไม่หยุดแค่นี้ เพราะคอยประสานกับ TetraPak และบรรดารัฐบาลท้องถิ่น เพื่อให้แน่ใจว่าแพคเกจจิงสามารถรีไซเคิลได้จริงๆ และเดินหน้าอัพเกรดแพคเกจจิงอย่างต่อเนื่อง ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนที่มีการอัพเดททุกปี
นอกจาก JUST Water แล้ว ยังมีบริษัทที่พัฒนาบรรจุภัณฑ์กระดาษรายอื่น อย่าง Paper Water Bottle ผลงานของ Jim Warner นักออกแบบขวด ที่ได้แรงบันดาลใจตอนเดินเล่นกับลูกแล้วลูกถามอย่างไร้เดียงสาว่าทำไมพ่อทำงานเป็นนักแบบออกแบบ”ขยะ”
คำถามจากการเฝ้าสังเกตของลูกที่เห็นว่าบรรจุภัณฑ์ทั้งหลายแหล่ พอใช้เสร็จคนก็โยนทิ้ง กลายเป็นกระแสใหญ่ในหมู่ผู้บริโภคที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทำให้ Warner ก่อตั้งสตาร์ทอัพ Paper Water Bottle ที่ผลิตขวดน้ำจากเยื่อกระดาษซึ่งมาจากส่วนผสมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฟางข้าวสาลี ไผ่ แกลบ อ้อย และแฝก ซึ่งส่วนผสมทั้งหมดนี้อาจรองรับน้ำได้ไม่สมบูรณ์ จึงเพิ่มเรซินที่สามารถรีไซเคิลได้ เข้าไปด้วย
ทั้งหมดนี้ทำให้ขวดน้ำดีไซน์ใหม่ ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% ขณะเดียวกัน บริษัทก็พัฒนาต่อไป หวังลดการใช้เรซินลงให้มากที่สุด เพราะการใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ ไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่จุดประสงค์สำคัญคือการพัฒนาขวดน้ำที่สามารถย่อยสลายได้ 100%
จริงๆ แล้วนอกจากขวดน้ำแล้ว ยังมีขวดพลาสติกอีกมากที่ใช้ๆ กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นขวดแชมพู ขวดสบู่เหลว และอื่นๆ การพัฒนาขวดกระดาษจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ทั่วโลกมีการผลิตและใช้ขวดพลาสติกปีละ 80,000 ล้านขวด โดยไม่ถึง 20% มีการนำมากลับมาใช้ใหม่ และขวดพลาสติกส่วนใหญ่ก็เดินทางสู่แม่น้ำลำคลอง ออกสู่ทะเล มหาสมุทร จากนั้นก็แตกออกเรื่อยๆ จนกลายเป็นไมโครพลาสติกที่มีขนาดเล็กจนมองไม่เห็น และส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ