ทวิตเตอร์ระงับบัญชีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เป็นการถาวร ด้วยเหตุผลว่ามีความเสี่ยงที่จะปลุกปั่นความรุนแรง
ก่อนหน้านี้บัญชีทวิตเตอร์ของทรัมป์ (@realDonaldTrump) ถูกแบนไป 12 ชั่วโมง เพราะละเมิดนโยบายของทวิตเตอร์อย่างร้ายแรง
ทวิตเตอร์อธิบายเหตุผลประกอบการตัดสินใจครั้งนี้ว่า กรอบนโยบายกว้างๆ ของบริษัทในเบื้องต้น คือการเปิดโอกาสให้สาธารณชนได้รับการสื่อสารจากผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง และบรรดาผู้นำในโลกได้โดยตรง แต่บริษัทระบุอย่างชัดเจนมาหลายปีแล้วว่า บัญชีเหล่านี้ไม่ได้อยู่เหนือกฎ และไม่สามารถใช้ทวิตเตอร์ปลุกปั่นความรุนแรงได้
อย่างไรก็ตาม บัญชีอย่างเป็นทางการของทรัมป์ (@POTUS) ยังใช้งานได้อยู่ แต่หากทวิตเตอร์เห็นว่าทรัมป์หันมาใช้บัญชีนี้แทนเพื่อหลบหลีกการแบน ก็จะจำกัดการใช้งานในบัญชีนี้เช่นกัน ซึ่งในเวลาต่อมามีรายงานว่าทรัมป์ได้ใช้บัญชีนี้เพื่อทวีตในทำนองบ่นว่าที่ถูกแบน พร้อมระบุว่ากำลังมองหาความเป็นไปได้ที่จะสร้างแพลตฟอร์มของตัวเอง แต่ทวิตเตอร์ลบข้อความเหล่านี้ทิ้งแทบจะในทันที
ทั้งนี้ ทรัมป์ใช้งานทวิตเตอร์มาตั้งแต่ปี 2552 และใช้สื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้เป็นช่องทางสื่อสารนโยบาย ความคิดเห็น รวมถึงความคับข้องใจ ไปยังบรรดาผู้สนับสนุนเขา แม้หลังจากชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 ทรัมป์บอกว่าจะทวีตให้น้อยลง แต่เขากลับเดินหน้าทวีตข้อความโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และประกาศปลดคนทางทวิตเตอร์ จนกระทั่งเมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ทรัมป์ยังทวีตข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส รวมถึงก่อนมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งทรัมป์ทวีตว่าการลงคะแนนเลือกตั้งผ่านทางไปรษณีย์ สามารถก่อให้เกิดการทุจริตและบิดเบือนผลการเลือกตั้งได้
นอกจากทรัมป์แล้ว ทวิตเตอร์ยังถอดบัญชีของไมเคิล ฟลินน์, ซิดนีย์ พาวเวลล์ และผู้สนับสนุนทรัมป์คนอื่นๆ ที่ส่งเสริมทฤษฎีสมคบคิด “คิวแอนอน” (QAnon) โดยทั้งฟลินน์และพาวเวลล์ได้เข้าพบทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างที่มีความพยายามพลิกผลการเลือกตั้ง
ทวิตเตอร์ยังถอดบัญชีของรอน วัตกินส์ ผู้ดูแลเว็บบอร์ด 8kun หรือ 8chan ที่ลงโพสต์ของผู้ใช้งานซึ่งเรียกตัวเองว่า Q
ขณะเดียวกัน กูเกิลได้ระงับแอป Parler ในเพลย์สโตร์ ด้วยเหตุผลว่ายังมีการโพสต์ปลุกปั่นความรุนแรงในสหรัฐ และจะระงับไปจนกว่าทางแอปจะแก้ไขประเด็นเหล่านี้ โดย Parler เป็นสื่อโซเชียลซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มหัวรุนแรง
ด้านบริษัทแอปเปิลได้ยื่นคำขาดแก่ Parler ให้จัดทำแผนตรวจสอบดูแลเนื้อหาอย่างสมบูรณ์ภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นจะถูกถอดออกจากแอปสโตร์ แอปเปิลระบุว่าได้รับการร้องเรียนว่ากลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ วางแผนและประสานงานกันผ่านแอปของ Parler ในการบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐ
ทั้งนี้ Parler ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2561 กลายเป็นแหล่งรวมตัวของผู้ถูกแบนหรือถูกระงับบัญชีจากสื่อโซเชียลหลักอย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ เพราะละเมิดกฎระเบียบของแพลตฟอร์มเหล่านี้