ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประจำรัฐสภา สหรัฐ ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากเกิดเหตุการณ์ประท้วงป่วนรัฐสภา ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์เป็นผู้ปลุกปั่นให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าวในระหว่างที่สภาสภาคองเกรสกำลังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงและรับรองชัยชนะของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อช่วงบ่ายของวันพุธที่ผ่านมา
นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำสมาชิกวุฒิสภาเสียงข้างน้อยจากรัฐนิวยอร์ค และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เรียกร้องให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรีเร่งถอดถอนชื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยอาศัยความตามมาตรา 25 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีใจความสำคัญว่า “รองประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีเสียงข้างมากสามารถถอดถอนประธานาธิบดีได้ และหากประธานาธิบดีโต้แย้ง รัฐสภาจะจัดให้มีการออกเสียงให้ได้ถึง 2 ใน 3 จึงจะสามารถถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งได้” และหากรองประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีไม่ยินยอมต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว รัฐสภาควรจัดการประชุมหารือเพื่อฟ้องร้องให้มีการถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง
ผู้นำพรรคเดโมแครตทั้งสองระบุว่าการปล่อยให้ประธานาธิบดีทรัมป์ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกสัปดาห์กว่าๆ จะสามารถส่งผลความเสียหายต่อประเทศและระบอบประชาธิปไตยได้อย่างมหาศาล เนื่องจากสิ่งที่ประธานาธิบดีกระทำถือเป็นการก่อจลาจลและต่อต้านระบอบประชาธิปไตยของประเทศ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการฟ้องร้องจากผู้นำพรรคเดโมแครตให้ถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่งเนื่องจากเขามีความพยายามผลักดันให้มีการสอบสวนครอบครัวของนายโจ ไบเดน ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่สมาชิกวุฒิสภาฝั่งพรรครีพับลิกันออกเสียงคัดค้าน และมีเพียงนายมิตต์ รอมนีย์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันคนเดียวที่ออกเสียงสนับสนุนการถอดถอนในครั้งนั้น ทำให้การฟ้องรองถอดถอนไม่เป็นผล
นอกเหนือจากการเรียกร้องจากฝ่ายบริหารชั้นสูงให้มีการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่งแล้ว ยังมีรัฐมนตรีที่ยื่นลาออกภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในรัฐสภาสหรัฐฯ เช่น นางอิเลน เชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนางเบตซีย์ เดวอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่ผู้สนับสนุนของนายทรัมป์บุกรุกเข้าไปยังอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธ
นางเชา กล่าวว่าเธอมีความภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้ทำงานเพื่อประเทศชาติสำเร็จลุล่วง และรู้สึกเป็นเกียรติอันสูงสุดที่ได้รับใช้งานในกระทรวงคมนาคม ด้านนางเดวอส กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีผลกระทบต่อเยาวชนที่เฝ้าดูและเรียนรู้จากผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก และคิดว่าผู้มีอำนาจควรมีแนวทางในการตัดสินที่ดีและเป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อให้เยาวชนเล็งเห็นว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีความยิ่งใหญ่เหนือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน
ดร. เอลินอร์ เอฟ แมคแคนซ์–แคทซ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของ สหรัฐ ก็ได้ยื่นหนังสือลาออก โดยชี้แจงว่าเธอต้องการดำรงตำแหน่งต่อถึงรัฐบาลสมัยต่อไป แต่แผนของเธอกลับต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด เพราะเธอไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมและความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ ส่วนนายแอนโธนี รักกิเอโร ผู้อำนวยการอาวุโสสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ลาออกเมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อประท้วงที่ประธานาธิบดีเป็นผู้ยุยงให้เกิดการชุมนุมประท้วงที่บริเวณรัฐสภา
ก่อนหน้านี้นางสเตฟานี กริชแฮม โฆษกประจำทำเนียบสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และนางแอนนา คริสตินา นิเซตา เลขานุการด้านงานสังคมของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทำงานอยู่นานที่สุดภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ยื่นหนังสือลาออกซึ่งมีผลทันทีตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา
เหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธยังได้ส่งผลให้บุคลากรที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารประเทศตัดสินใจลาออกอีกด้วย ได้แก่ ผู้บัญชาการตำรวจสูงสุดประจำรัฐสภา พอล เออร์วิง ซึ่งยื่นหนังสือลาออกมีผลบังคับใช้วันที่ 16 มกราคม 2564 และ เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยประจำรัฐสภา ไมเคิล สเตนเจอร์ ได้ยื่นหนังสือลาออกเมื่อวันพฤหัสบดี
ในขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนว่ารองประธานาธิบดีจะยินดีทำตามข้อเรียกร้องของนายชัคและนางแนนซี รวมทั้งผู้เรียกร้องอีกหลายฝ่ายหรือไม่ และหากมีการดำเนินการตามข้อเรียกร้องแล้ว วุฒิสภาจะมีเสียงสนับสนุนถึง 2 ใน 3 เพื่อที่จะสามารถถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่งได้ในทันทีอย่างที่ต้องการหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกันผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันต่างพากันตีตัวออกห่างจากทรัมป์ หลังจากเกิดเหตุการณ์บุกเข้าโจมตีรัฐสภาดังกล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- สหรัฐวุ่น ม็อบบุกสภา ประท้วงผลเลือกตั้ง ผู้นำโลกประณาม บอกย่ำยีประชาธิปไตย
- ผู้นำทั่วโลก วิตกกลุ่มหนุน ‘ทรัมป์’ บุกสภาคองเกรสรับรองชัยชนะเลือกตั้งสหรัฐ
- ทวิตเตอร์-เฟซบุ๊ก ระงับบัญชี ‘ทรัมป์’ ชี้แหกกฎ ยุยงม็อบ สหรัฐ เหตุวุ่นวาย